เมินผลโพล! “สกลธี” พปชร. ชี้ ถ้าชอบนโยบายขอให้เลือกทั้งคนทั้งพรรค

“สกลธี” พปชร. เมินผลโพล ชี้ ยุคนี้ต้องเสพสื่อเสพโพลอย่างระมัดระวัง เพราะมักจะเป็นโพลยุทธศาสตร์ที่ต้องการส่งผลทางจิตวิทยาชี้นำสังคมและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มากกว่าจะเป็นโพลของสถาบันที่เป็นกลาง ย้ำ ถ้าชอบนโยบายพรรคให้เลือกทั้งคนทั้งพรรคไม่ต้องสนใจโพลหรือยุทธศาสตร์ใดๆ

ช่วงนี้หาเสียงกันดุเดือด ตื่นเช้ามารถหาเสียงเปิดเพลงพรรคการเมืองวิ่งกันแต่เช้า ตลาดเช้า เที่ยง เย็น มีผู้สมัคร ส.ส. ลงพื้นที่แวะทักทายพี่น้องประชาชนผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงไม่ขาดสาย

วันนี้ (6 พ.ค.66) นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ตลาดเช้าลาดพร้าวสะพาน 2 พร้อมกับ นายกานต์ กิตติอำพน ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 5 เขตห้วยขวาง-วังทองหลาง หมายเลข 4 เพื่อพบปะประชาชน และนำเสนอนโยบายของพรรค

นายกานต์ กิตติอำพน ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 หมายเลข 4 กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ทำให้ได้รับทราบความต้องการของพี่น้องประชาชนว่า อยากให้แก้ไขเรื่องการเพิ่มพื้นที่สีเขียว สถานที่ออกกำลังกาย ซึ่งในพื้นที่นี้มีน้อยมาก หากตนได้รับโอกาสให้เข้าไปทำงาน พรรคพลังประชารัฐจะนำเงินจากกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท มาช่วยเรื่องการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพัฒนาระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ได้

นายสกลธี กล่าวว่า นอกจากเรื่องพื้นที่สีเขียวแล้ว ปัญหาของพื้นที่เขตห้วยขวาง-วังทองหลาง ยังมีเรื่องการจราจรที่กำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ซึ่งต้องไปขอคืนพื้นที่ช่วงที่ก่อสร้างเสร็จแล้วแต่ยังกั้นบริเวณอยู่ เพื่อเพิ่มพื้นผิวการจราจร นอกจากนั้นยังมีปัญหาขาดโรงพยาบาลที่รับสิทธิ 30 บาท ทำให้ประชาชนต้องเข้าไปรับสิทธิการรักษาถึงโรงพยาบาลกลางซึ่งอยู่ในเมือง จึงต้องมีการเพิ่มสิทธิโรงพยาบาลในพื้นที่ให้คนพื้นที่นี้ใกล้สิทธิรักษาฟรีมากขึ้น

สำหรับกรณีที่ในช่วงนี้มีการเปิดเผยโพลการเมืองหลายสำนักนั้น นายสกลธี กล่าวว่า ในยุคนี้ต้องเสพสื่อเสพโพลอย่างระมัดระวัง เพราะยุคนี้มักจะเป็นโพลยุทธศาสตร์ที่ต้องการส่งผลทางจิตวิทยาชี้นำสังคมและผู้มีสิทธิเลือกตั้ง มากกว่าจะเป็นโพลของสถาบันที่เป็นกลาง ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐก็มีการทำโพลกันภายในอยู่ซึ่งมีหลายเขตที่เป็นเขตเป้าหมาย แต่ต้องขึ้นกับการตัดสินใจในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของพี่น้องประชาชน

“เช่นเดียวกับกระแสการให้โหวตตามยุทธศาสตร์ ที่ชี้นำให้คนโหวตให้คนที่มีโอกาสชนะมากที่สุด แต่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าคนที่เทคะแนนให้จะชนะ เรื่องนี้มีให้เห็นแล้วตอนเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. กระแสแบบนี้ทำให้กระบวนการประชาธิปไตยบิดเบี้ยว เพราะฉะนั้นหากทุกคนชอบใคร เห็นว่านโยบายของใครตอบโจทย์ในการนำประเทศเดินไปข้างหน้า ก็ขอให้เลือกคนนั้นพรรคนั้นไม่ต้องสนใจโพลหรือยุทธศาสตร์ใดๆ”