คู่ พี่น้อง สอง ตลก ชื่อดัง ควงกันมาเคลียร์ใจระหว่าง เจี๊ยบ เชิญยิ้ม และน้องชาย แจ็ค เชิญยิ้ม ทะเลาะกันจริงหรือไม่ พร้อมเคลียร์ข่าวน้องชายป่วย แต่พี่ไม่สนใจดูแล ผ่านทางรายการ คุยแซ่บโชว์
อัปเดตอาการคุณ แจ็ค หน่อย เป็นอย่างไรบ้าง?
แจ็ค : วัณโรคปอด ครับ 2 ปีแล้วที่ ป่วย มา ตอนนี้เริ่มดีขึ้นเยอะมากกว่าเดิม น่าพอใจ ตอนที่แจ็คมาครั้งแรกกับแฟน แจ็คให้ประมาณ 80% ตอนนี้ให้สัก 96.75% แล้วกัน ดีขึ้นเยอะครับ
พอเป็น วัณโรคปอด แล้วมีสถานการณ์ โควิด พี่กังวลไหม เพราะเวลามันลงไปที่ปอด?
แจ็ค : มันจะหนักกว่าคนอื่น แน่นอน แจ็ค ต้องระวังมากกว่าคนที่ไม่ ป่วย เพราะ วัณโรคปอด มันปอดโดยตรง โควิด โอไมครอน มันลงปอดโดยตรง ถ้าเกิดเราพลาดขึ้นมา นั่นมันหมายถึงว่าเราต้องหนักกว่าคนอื่นคูณ 2-3 เพราะฉะนั้นทุกวันนี้ต้องระวังที่สุด
ทำไมมันใช้เวลารักษาค่อนข้างนาน?
แจ็ค : จริงๆ วัณโรคปอด หายขาด 6 เดือน 9 เดือน สำหรับคนที่ ป่วย ไม่หนักมาก ของ แจ็ค อยู่ในเคสที่มันหนัก น้ำหนักลด มีอาเจียนเป็นลิ่มเลือดด้วย อาจจะดื้อยาด้วย ทำให้รักษานานกว่าคนอื่นหน่อย แต่ตอนนี้ค่อนข้างจะฟื้นฟูขึ้นมาดีมากๆ แล้ว
จริงๆ สองคนนี้เป็นพี่น้องที่รักกัน ไม่มีดราม่าอะไรเลย?
แจ็ค : ต้องถามเขา
เจี๊ยบ : ไม่มีเลย
พี่ เจี๊ยบ รักน้องขนาดไหน?
เจี๊ยบ : ก็รักที่สุด เป็นคนในครอบครัว คำว่า พี่น้อง อย่างไรก็ทิ้งกันไม่ได้ ถามว่าทะเลาะกันไหม ไม่เคยทะเลาะกันเลย แต่การแสดงความรักอาจจะไม่เหมือนคนอื่นเขา หนึ่งพี่ไม่ค่อยเล่นโซเชียล ไม่ค่อยมีรูปถ่ายด้วยกัน แต่จริงๆ กิจกรรมกับ ครอบครัว เราก็มีกันบ่อยนะ แต่เราไม่ได้อัปรูปลงโซเชียล
แต่ประเด็นตอนที่พี่ แจ็ค ป่วย ก็จะมีเพื่อนที่รู้ว่าพี่ แจ็ค กำลังลำบาก ทุกคนก็ช่วยเหลือพี่ แจ็ค ช่วยหญิงเพราะเขาเป็นเกี่ยวกับเรื่อง ไต มันก็เลยเกิดประเด็นว่าทำไมพี่ เจี๊ยบ ไม่ช่วย แจ็ค ?
เจี๊ยบ : ทำไมจะไม่ช่วยละครับ จริงๆ ช่วย แต่ว่าบางทีคนก็ไม่รู้ น้อง แจ็ค ไม่มีงาน ดรอปงานไปมันก็ต้องมีค่ารักษาพยาบาล ถ้า เจี๊ยบ ไม่ซัปพอร์ตตรงนี้ใครเขาจะมาซัปพอร์ต ทั้งหมดทั้งสินก็จากพี่ แต่เราไม่ได้ออกมาพูด เพราะไม่รู้จะพูดให้ใครฟัง เราก็รู้กันอยู่ ถ้าน้องเดือดร้อน น้องไม่มีจริงๆ คนที่จะพึ่งได้จะเป็นใคร นอกจากคนใน ครอบครัว นั่นก็คือพี่เอง
พอเจอประเด็นเราไม่ได้ผิด แต่เราถูกสังคมพูดว่าเราผิด เราไม่มีน้ำใจ เราไม่ช่วยเหลือ เชื่อว่าพี่คงเห็นข่าวแบบนั้น?
เจี๊ยบ : บ้างนิดหน่อย แต่ก็ไม่ค่อยเสพข่าวพวกนี้ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเรารักกัน เราไม่ได้ทะเลาะกัน ไม่ได้มีอะไรกัน ที่สุดแล้วผมว่าไม่ใช่ ครอบครัว เราอย่างเดียวหรอก คำว่า พี่น้อง เป็น ครอบครัว อื่น ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นมา ไม่ว่าจะทะเลาะกันหรือว่าอะไรกัน คำว่า ครอบครัว อย่างไรมันก็ต้องช่วยกัน
พี่ แจ็ค ไม่บอกพี่ เจี๊ยบ ว่า ป่วย ไม่ขอความช่วยเหลือจากพี่ เจี๊ยบ เลย เพราะอะไร?
แจ็ค : แจ็ค เป็นคนขี้เกรงใจ
เจี๊ยบ : เอาง่ายๆ เลย เจี๊ยบ กับ แจ็ค มีหลายครั้งที่น้องเกิด อุบัติเหตุ รถชน คนที่ถึงคนแรก เจี๊ยบ จะถ่ายอยู่ที่ไหนก็แล้วแต่ เจี๊ยบ ต้องพักกองแล้วรีบไปหาน้องก่อน คนแรกที่ถึงโรงพยาบาลต้องเป็น เจี๊ยบ ก่อน ต้องไปจัดการให้ทุกสิ่ง ทุกอย่าง
แจ็ค : ด้วยความที่เราเป็นคนขี้เกรงใจ ด้วยเรื่องของค่าใช้จ่าย เรื่องของอะไรก็แล้วแต่ เราโดนสอนมาว่าถ้าเราทำอะไรได้ด้วยตัวเราเองก่อน โดยที่ยังไม่ต้องไปพึ่งพาใคร แม้กระทั่ง ครอบครัว มันก็จะรู้สึกว่าเราไม่รบกวนคนอื่น แล้ว แจ็ค ป่วย เรายังพอดูแลตัวเองได้ มันยังพอซัปพอร์ตได้ มันยังพอพาตัวเองไป โรงพยาบาล ได้ แล้วหลังจากนั้นค่อยบอกกับ ครอบครัว ว่านี่เรา ป่วย นะ อยู่ที่นี่ดีกว่า คือเป็นคนขี้เกรงใจ
เจี๊ยบ : ไม่ใช่แค่ เจี๊ยบ คนเดียวนะครับ แม้กระทั่งคุณแม่ แจ็ค ยังไม่บอกคุณแม่เลย พวกเราก็ไม่รู้มันไปแอบ ป่วย อยู่คนเดียว
แจ็ค : มันไม่ได้แอบ ป่วย หรอก คือรอให้มันจัดการอะไรทุกอย่างเรียบร้อย แล้วเราก็ห่วงความรู้สึกของคนรอบตัวเราว่าถ้าเราบอกว่าเรา ป่วย เดี๋ยวเขาจะ แพนิค หรือเปล่า รอให้ชัวร์ รอให้นิ่งก่อน เราไม่ได้เป็นอะไรมากนะ อยู่ในมือหมอแล้ว อะไรแบบนี้ดีกว่า
พี่ เจี๊ยบ น้อยใจไหม ทุกครั้งเราต้องไปถึงคนแรก แต่ทำไมครั้งนี้น้องถึงไม่ยอมบอกพี่?
เจี๊ยบ : ไม่น้อยใจ ผมว่าผมรู้จักนิสัยน้องผมดี เป็นคนติสท์ๆ เก็บตัว ถ้าไม่ไหวจริงๆ ค่อยโทรหา ครอบครัว หนึ่งก็กลัวพี่จะเดือดร้อน กลัวแม่จะเดือดร้อน มาเป็นห่วงไม่ทำมาหากินกันหมดมัวแต่เป็นห่วงมันคนเดียว
ทำไมต้องเกรงใจพี่ เจี๊ยบ ขนาดนั้น?
แจ็ค : ไม่ได้เกรงใจพี่ เจี๊ยบ คนเดียวด้วย เกรงใจทุกคนที่อยู่รอบตัวเรา เพราะว่าพ่อกับพี่ เจี๊ยบ สอนมาว่า เราทำอะไรด้วยตัวเราเองก่อนดีกว่า ถ้ามันไม่หนักหนามาก เอาใจเขามาใส่ใจเรา เดี๋ยวเอะอะก็มีคนมาให้เราช่วย มาเห็นเราเพิ่งพาได้ เรารู้สึกว่าครั้งแรกมันอาจจะช่วยได้ ครั้งต่อไปเดี๋ยวก็ต้องมาช่วยอีก สู้เราทำอะไรด้วยตัวเองดีกว่า ไม่ได้รวมถึงเรื่องนี้ คือทุกเรื่องที่ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่าย การทำงาน การดูแลตัวเองทุกเรื่อง มันช่วยเหลือตัวเองก่อนดีกว่าในความคิด แจ็ค มันก็เลยเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว
เจี๊ยบ : เราสองคนไม่ได้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก เจี๊ยบ โตที่ต่างจังหวัด น้อง แจ็ค ก็อยู่กับพ่อ เรามาเจอกันตอนโต ความสนิทมันก็ไม่ได้สนิทเหมือน พี่น้อง คนอื่นที่เขาโต เขาคลานตามกันมา แบบว่าเล่นด้วยกัน โตมาด้วยกัน เราไม่ได้โตกันมาแบบนั้น เรามาเป็น พี่น้อง กันตอนที่ เจี๊ยบ มาเข้าวงการแล้ว นั่นก็คือพ่อให้มาเล่นตลก แล้วน้องก็กำลังเรียนอยู่ เราเริ่มมาสนิทกันตอนนี้ เพราะฉะนั้นการแสดงออกถึงความเป็น พี่น้อง มันก็เลยจะน้อยกว่า ครอบครัว อื่นเขา
จริงๆ คือรักกันมาก?
เจี๊ยบ : รักครับ บางทียังแอบถามตัวเองเลยว่าตัวเองรัก ครอบครัว ขนาดไหน คือมาคิดแล้ว ทั้งหมดมันคือ สายเลือด มันคือน้องเรา ไม่ว่าจะโตมาด้วยกันหรือเปล่า ความผูกพัน ก็มีใน สายเลือด เรารู้ทันทีว่าเรารัก ครอบครัว แล้วเราก็รักน้องเรา สิ่งที่จะทำต่อไปคือรับผิดชอบน้องสองคน แต่การดูแลตอนที่เขา ป่วย ไม่ ป่วย เนี่ย เพราะเขามีแฟน เจี๊ยบ ก็มีแฟน ต่างคนต่างมี ครอบครัว เราอยู่กันคนละบ้าน การสื่อสารมันอาจจะห่างกันนิดหนึ่ง ประกอบกับ คาเฟ่ ตอนนี้เราไม่ได้เล่นกันแล้ว เราก็ไม่ได้เจอกันทุกวัน นอกจากถ่าย รายการ เดียวกัน แต่ก็จะส่งข่าวหากัน จนเขาไม่ไหวจริงๆ เขาถึงโทรมายืมเงินผม
เสียใจไหม?
เจี๊ยบ : เสียใจครับ มันยืมแล้วมันไม่คืนเลยครับ
แจ็ค : นานๆ ทีจะขอร้อง ก็เอาให้หนักไปเลยครับผม ก็คือเป็นก้อนใหญ่ไปเลย น่าจะคุ้มกว่า
เจี๊ยบ : เอาก้อนเล็กๆ แล้วค่อยขยับไปก้อนใหญ่ดีกว่า แจ็ค บางทีกูช็อกกูเตรียมตัวไม่ทัน
พอรู้เรื่องวิกฤตของพี่ แจ็ค แล้ว ลึกๆ ก็กลัวว่าจะเสียพี่ แจ็ค ไป?
เจี๊ยบ : เป็นสิ่งที่กลัวมาก จากภาพที่เราเห็น จากที่เขาดูแลตัวเอง ฟิสเนตตลอดเวลา มีกล้ามเนื้อ แล้วกลายเป็นคน นอนติดเตียง มันก็ช็อกเหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ก็ไปถาม ดันเป็นโรคที่มันรักษายากมาก นั่นก็คือ วัณโรคปอด ก็คือดูแลแล้วก็สอบถามจากทุกคน ไม่ว่าจะเป็นพี่นีโน่ก็มีส่วนช่วยที่เอา แจ็ค ไป โรงพยาบาล ไปพบกับหมอที่ดีๆ หน้าที่ของ เจี๊ยบ ก็คือไปเยี่ยม ไปดู เรื่องหมอพี่โน่เขาจัดการให้แล้ว
พี่ เจี๊ยบ แอบนอนร้องไห้ปรึกษาภรรยา เพราะเป็นห่วงน้องคนนี้มาก?
เจี๊ยบ : 2 คนจะพูดถึงตลอดเวลา จนทุกวันนี้หญิงแฟน แจ็ค ป่วย แจ็ค มา ป่วย อีก คุยกันอยู่ 2 คนมันเกิดอะไรขึ้นกับน้องวะ ทำไมมันต้อง ป่วย ทั้งคู่ แทนที่คนหนึ่ง ป่วย อีกคนดูแลกัน ก็เป็นห่วงกลัวเขาจะเกิดอะไรขึ้น แต่ก็โชคดีที่มันดีขึ้นตามการรักษาของหมอ ก็กลัวเหมือนกัน กลัวจะเสียน้อง
อาการพี่ แจ็ค ตอนนี้ดูเหมือนเริ่มเหนื่อย?
แจ็ค : ไม่เหนื่อยมาก แต่ว่าพออากาศมันเย็นเราหายใจเข้าไปมันก็จะมีความ แน่นหน้าอก เป็นเอฟเฟ็กต์ของโรคหน่อยหนึ่งถ้าสตูที่มันเย็นมากๆ หรือดื่มน้ำเย็นมากๆ มันจะมีอาการที่เหมือนจะแน่นๆ หน่อยหนึ่ง แต่ว่าก็ยังพอไหวอยู่
พอเรากลับมาทำงาน เราอยู่ในสตูค่อนข้างเย็นแล้วฝุ่น มันส่งผลกระทบไหม?
แจ็ค : แน่นอน ถ้า แจ็ค อยู่แบบนี้นานๆ มากกว่านี้ สัก 3-4 ชั่วโมงในการถ่ายงานครั้งหนึ่งมันก็จะมีอาการ แน่นหน้าอก บางทีถึงกับหายใจไม่ออก ไม่รวมถึงเวลาที่เราแสดงที่ต้องใช้พลังเยอะๆ การพักของ แจ็ค คือการออกไปด้านนอก เพื่อปรับอากาศ แล้วก็หายใจให้มันโล่งขึ้น การใส่แมสก์แน่นอนมันป้องกัน แต่ใส่ตลอดเวลาออกซิเจนมันจะไม่พอ ซึ่งมันต้องบาลานซ์ตรงนี้ให้ดีที่สุด
พี่เสียใจไหมข่าวที่เขียนโจมตีพี่ พี่ไม่ดูดำ ดูดี พี่ไม่อะไร?
เจี๊ยบ : ไม่ครับ ผมว่าให้ดูกันยาวๆ ดีกว่า การตัดสินตรงนั้นก็แค่ตรงนั้นอะครับ เราไม่ได้เลิกเป็นพี่ เป็นน้องกันเดือน สองเดือน เราจะต้องเป็นพี่เป็นน้องกันตลอดไป แล้วทุกคนจะเห็นภาพว่า ครอบครัว ศรีหนุ่ม ครอบครัว ของเราเป็นแบบนี้นะ แต่การปฏิบัติตัว การเล่นโซเชียล อยู่ตรงนั้น ตรงนี้ กิจกรรมใน ครอบครัว มันมี แต่แค่เราไม่ได้ถ่ายทอดให้ทุกคนได้เห็น
ในวันที่พี่ แจ็ค ป่วย พี่ เจี๊ยบ ได้ให้กำลังใจไหม?
เจี๊ยบ : เป็นคนหนึ่งที่ไปเยี่ยมแล้วไม่เคยทำให้มันเศร้า แบบโห หุ่นดีเหลือเกิน ทำอย่างไรกูถึงจะได้ผอมแบบมึง กลายเป็นแหย่กันมากกว่า นี่ก็บอกว่าพี่ลองเป็นอย่างผมไหมละ
พี่ต้องประคองทั้ง ครอบครัว แล้วด้วยสถานการณ์ โควิด อีก มีเซบ้างไหม?
เจี๊ยบ : มันเซตลอดแหละครับ ต้องบอกว่า โควิด ที่ผ่านมา วงการบันเทิง เรื่องงานแสดงหยุดหมดเลยเกือบ 2 ปี แน่นอนเราต้องเอาของเก่ามากิน ทีนี้เราต้องประครองตัวแหละว่าเราจะอยู่อย่างไร แม้กระทั่งธุรกิจที่ทำอยู่ ร้านก๋วยเตี๋ยว ที่เราเปิดมา จากที่มีลูกค้าได้อาทิตย์หนึ่ง โควิด มามันหายไปเลย กลายเป็นศูนย์เลย ทีนี้ต้องประคองตัวทำอย่างไรให้มันอยู่ได้ ช่วยเราก่อน ช่วย ครอบครัว ให้มันไปได้ พอมีช่องทางแล้วค่อยเดินไปด้วยกัน
เอากำลังใจจากไหนมาสู้ขนาดนี้?
เจี๊ยบ : จากคนใน ครอบครัว นี่แหละครับ มันเป็นกำลังใจที่ดีที่สุดแล้วก็เพื่อนในวงการด้วย คนใน ครอบครัว ภรรยาเนี่ยจะให้กำลังใจกัน ไม่ท้อ ไม่เหนื่อย ไม่รู้สึกว่าทำตัวเองให้เหนื่อยกับคนที่เขาหวังกับเรา ที่อยากจะพึ่งเรา ถ้าเราเป๋คนหนึ่งเราดูแย่มาก เราไม่ไหว เราจะถอยแล้วนะ มันก็ดูไม่แข็งแรงสำหรับคนที่กำลังเดินตามเรา เพราะฉะนั้นเราจะไม่แสดงว่าเราไม่ไหวแล้วนะ ใครจะรู้ว่า ร้านก๋วยเตี๋ยวเจ๊ง ไปเท่าไร มันขาดทุนไปเท่าไร เราลงทุนขนาดนี้เราไม่ได้อะไรกลับมาเลย แล้วเงินไปไหน ถ้าเกิดว่า เจี๊ยบ มานั่งเล่นโซเชียล มาโพสต์ว่ามันไม่ไหวแล้วนะ ใครต้องช่วยผมด้วย มันก็ไม่ใช่วิสัยของผมที่จะมาแสดงออกตรงนั้น ช่วยตัวเองก่อน
คุณพ่อบอกว่าฝากพี่ เจี๊ยบ ดูแลพี่ แจ็ค ตอนนั้นคุณพ่อพูดอย่างไรบ้าง?
เจี๊ยบ : พ่อไม่ได้พูดครับ พ่อพูดไม่ได้ พ่อ นอนติดเตียง อยู่ พวกเราก็ไปอยู่ข้างเตียงกันไปคุยกับเขา จนเขาเริ่มรับรู้ พ่ออยากบอกอะไรพวกเราไหม เขาก็ใช้วิธีเขียน เขาขอกระดาษกับปากกา เขาเขียนแบบไม่ค่อยถนัด อ่านไม่ค่อยออก แต่ผมก็เดาออกว่า อย่าทิ้ง ครอบครัว พ่อนะ คือมันทิ้งไม่ได้ครับ เราไม่อยากทิ้งอยู่แล้ว ยิ่งพ่อพูดมาอย่างนี้มันทิ้งไม่ได้ ไม่น่าทิ้งใหญ่เลย ถ้าสมมติผมทิ้งไป ไม่รับผิดชอบน้องทั้งหมด ไม่รับผิดชอบแม่ คนที่รู้สึกผิดที่สุดคือเป็นตัว เจี๊ยบ เอง และมันจะเป็นตราบาปในใจตลอดไป
พี่ แจ็ค รู้ไหมว่าพี่ชายเป็นห่วงเรามากขนาดนี้?
แจ็ค : มันรับรู้ได้ตลอดเวลาอยู่แล้วในเรื่องของการเป็นห่วงกันหรือว่าดูแลกัน แจ็ค ว่าเราแทบจะไม่ต้องเอ่ยปากถามกันเลย บางทีเรามาเจอกันตามงานที่เราถ่ายงานด้วยกัน บางทีเราไม่ได้พูดถึงเรื่องราวที่แบบเป็นอย่างไรบ้าง เรารู้อยู่แล้วว่าพี่เราคิดอย่างไรกับเรา เขารู้ว่าเราคิดอย่างไรกับเขา มันรู้เองโดยอัตโนมัติมากกว่า แล้วเขาก็เป็นคนแรกเสมอที่ แจ็ค จะคิดถึงในทุกเรื่อง เขาเป็นคนให้โอกาสเราตั้งแต่แรกจนวินาทีนี้ เขาสอนเราว่าถ้าสามารถให้โอกาสใครได้ก็ให้ เขาให้โอกาสเราทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องธุรกิจ
ตอนนี้พี่เจี๊ยบช่วยซัปพอร์ตพี่ แจ็ค ให้ไปทำงานที่ร้าน?
เจี๊ยบ : จริงๆ แล้วต้องไปตั้งนานแล้วละ แต่ด้วยความที่ เจี๊ยบ คุยกับแฟนมาพักใหญ่ตั้งแต่เราเปิดร้าน ไปเปิดที่บ้านแล้วมันค่อนข้างประสบความสำเร็จ ลูกค้าเยอะ เรามองเห็นสินค้าหนึ่งที่เขาขายอยู่ ซึ่งเป็นน้ำส้มของเขาเอง เขาไปขายออนไลน์ก็ได้ไม่เท่าไร สำหรับลูกค้าที่ร้านเจี๊ยบวันละ 1000 คน สมมติเขาขายได้วันละประมาณ 200 ขวด เขายังเป็นเงินทุนได้ อยากจะเอามาตั้งนาน คุยกับแฟน แต่ด้วยความเป็นห่วงหญิง เป็นห่วง แจ็ค เข้ามาตรงนี้คนมันเยอะมาก มันหมุนเวียนมาก แล้วน้องเราก็ไม่ค่อยสบาย ร่างกายก็ไม่ได้เต็มร้อย กลัวเกี่ยวกับความปลอดภัยในร้านด้วย จนในที่สุดมันไม่ไหวแล้ว ต่อไปเราต้องอยู่กับมันให้ได้ เกี่ยวกับ โควิด เราก็มีมาตรการในความปลอดภัย ในการตรวจอยู่แล้วภายในร้าน น้องสามารถมาอยู่ได้ ก็เลยยื่นโอกาสตรงนี้ให้น้องมาอยู่ด้วยกัน แล้วก็ดีใจที่น้องกลับไปอยู่ตรงนั้นไปทำกับเรา
เห็นว่าพี่ เจี๊ยบ ร้องไห้เลย วันแรกที่เขามาทำธุรกิจ แล้วเขาขายของได้?
เจี๊ยบ : มันนั่นแหละทำให้ร้องไห้ วันแรกเอามันมาขายด้วย ซึ่งปกติหญิงจะเป็นคนเก็บเงิน เขาจะไม่ค่อยเก็บเงินเอง แล้วขายของไม่เป็น พอขายเสร็จวันนั้นมันไปคนเดียว รู้สึกว่าหญิงไป ฟอกไต มันก็ขายของตั้งแต่ 10 โมงจนถึงเย็นเลย มันเรียกเราไปที่รถ แล้วมันก็เอาเงิน แบงค์ร้อย แบงค์ห้าร้อย แบงค์ยี่สิบ วางที่คอนโซนรถ พี่ เจี๊ยบ เงิน แจ็ค แจ็ค ขายได้ เงินเยอะแยะเลยพี่ดูดิๆ มาอวดพี่ว่าเริ่มมีเงิน เราก็รู้สึกว่ามันเริ่มจะสำเร็จแล้วนะ เราดึงน้องเรามาทำตรงนี้ได้ ซึ่ง ร้านก๋วยเตี๋ยว ที่เกิดขึ้นมันเป็นการต่อยอดจากสูตรก๋วยเตี๋ยวที่เราไม่ได้ไปซื้อใครมาเลย มันเป็นสูตรของแม่จริงๆ แม่เราทำแล้วก็ขาย แล้วเขาก็มีความคิดว่า เจี๊ยบ น่าจะไปเปิดร้านนะ มันมีสูตรของเรา ตอนนี้ที่ขายดี คนที่ได้เงินคือแม่ เพราะแม่จะต้องทำสูตรน้ำซุปเป็นหัวเชื้อส่งไปให้ เจี๊ยบ ยิ่งขายได้เท่าไรแม่ก็ยิ่งได้เงินเท่านั้น กลายเป็นต่อยอดใน ครอบครัว
อยากบอกอะไรพี่ชายคนนี้ไหม?
แจ็ค : มันแทบไม่ต้องพูดอะไร
เจี๊ยบ : จริงๆ มันเป็นคนขี้อวดมากเลยนะ ถ้าสมมติมันได้งานอะไรใหม่ๆ คนแรกที่ต้องรับรู้คือ เจี๊ยบ ซึ่งย้อนกับมาเราไม่เคยอวดพ่อเราเลย เราได้ ซิทคอม หรือเราได้อะไร เราไม่เคยโทรไปอวดพ่อเลย แต่ แจ็ค จะเป็นคนโทรมาหา เจี๊ยบ ตลอดว่าได้งานแล้วนะ เมื่อกี้เขาก็อวดว่าเขาจะได้เป็น พรีเซ็นเตอร์ เกี่ยวกับ ปอด
แจ็ค : กระทรวงสาธารณสุข โทรมาให้ไปเป็น พรีเซ็นเตอร์ เกี่ยวกับการรณรงค์ โรคปอด ถ่าย โฆษณา นู่น นี่นั่น เราก็รู้สึกว่าเราอยากจะบอกเขาเป็นคนแรก เพราะงานเริ่มต้นที่ทำให้เรามีวันนี้ได้ก็เริ่มต้นจากเขา เพราะฉะนั้นเขามีสิทธิ์ที่จะรับรู้ทุกงานที่ติดต่อเข้ามาแล้วให้เขาสกรีนไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับงานที่อันนี้รับได้บ้าง อันนี้รับไม่ได้ อันนี้รับแล้วมันสามารถต่อยอดได้ แล้วเรื่องบัตเจทเขาจะมีสิทธิ์รู้คนแรกแน่นอน ก็เลยจะต้องบอกเขาทุกงาน
ถ้าพ่อดูอยู่พี่ เจี๊ยบ อยากจะบอกอะไรกับพ่อไหม?
เจี๊ยบ : เราพูดกันตลอด 2 คนในขณะที่ทำร้าน จะพูดใส่ไมค์ตลอดเวลาว่าถ้าพ่ออยู่ พ่อจะต้องดีใจมากที่เห็นลูกประสบความสำเร็จแบบนี้ นอกจาก วงการบันเทิง นอกจากชื่อเสียงที่ได้มาจากการเล่น ซิทคอม เล่น ละคร เราได้ธุรกิจอย่างหนึ่ง มันเกิดเพราะพวกเราสร้างกันเอง น้ำซุปจากแม่ ธุรกิจจากร้านของเรา เอาน้องมาทำธุรกิจในร้านด้วยมาขายของ ก็คือคิดถึงพ่อ เขาต้องดีใจมากถ้าเห็นลูกเป็นอย่างนี้ ประสบความสำเร็จแบบนี้ มีรายได้มาช่วย ครอบครัว โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งใคร
พี่ แจ็ค รู้ไหมที่ผ่านมาพ่อเขาฝากฝั่งเราให้กับพี่ เจี๊ยบ ?
แจ็ค : ทราบ แล้วมันก็เลยเป็นคำตอบให้กับทุกคนว่าต้องพยายามเป็นภาระของพี่เราให้น้อยที่สุด
ในไลฟ์เฟซบุ๊กมีการคอมเมนต์เรื่องการนั่งของพี่ แจ็ค ?
แจ็ค : ด้วยสตูแอร์เย็นมาก ถ้า แจ็ค นั่งอย่างนี้มันจะเกร็งหลัง จะปวดหลังมากๆ จะทำให้เราต้องหายใจหนักขึ้นกว่าเดิม ทำให้เวลาที่เราทอล์กกันอาจจะมีการไอหรือว่าพูดช้า ถ้าเกิดนั่งพิงมันยังผ่อน สบายกว่า ไม่ได้มีเจตนาที่นั่งไม่ให้เกียรติ รายการ หรือคนดูนะครับ
รักน้องคนนี้แค่ไหน?
เจี๊ยบ : ก็รักมันที่สุด ถ้าไม่รักจะให้ขนาดนี้
แจ็ค : ให้เขานั่งอยู่แบบนี้ ถ้าเขาลุกขึ้นมา แล้วมีการกอดกัน ผมว่าความเขินจะปรอทแตก ผมเดินอ้อมไปข้างหลัง แล้วไปกอดเขาข้างหลังน่าจะโอเคกว่า เขาเป็นผู้ชายที่แสดงออกเรื่องความรักน้อยๆ เวลาเจออะไรที่เป็นแบบนี้จังๆ ก็จะเป็นแบบนี้
เจี๊ยบ : มันไม่เคยแสดงออกเรื่องความรักกันแบบนี้ ถามว่าควรจะทำไหม มันควรจะทำ แต่ไม่รู้เราจะเริ่มต้นตรงไหน ก็ขอบคุณทั้งสองคนที่ให้โอกาสพวกเราได้ทำอย่างนี้กัน ถ้าไม่มีหนิง ไม่มีน้อง ก็ไม่มีโอกาสได้กอดกันแบบนี้หรอก อยู่ๆ จะมาเดินกอดกัน ถ้าเป็นมุก ตลก อะได้ นั่นคือ การแสดง
สรุปว่าทั้งคู่นั้นยังเป็น พี่น้อง และ ครอบครัว ที่รักกันเหนียวแน่น แถม เจี๊ยบ เชิญยิ้ม ก็ยังช่วยเหลือน้องชาย แจ็ค เชิญยิ้ม มาโดยตลอด เรียกได้ว่าเป็นความผูกพันของ พี่น้อง ที่อย่างไรก็ตัดกันไม่ขาด น่าประทับใจมากเลยนะคะ อย่างไรก็ตามแอดเองก็จะขอเป็นกำลังใจให้ แจ็ค เชิญยิ้ม และภรรยา หายป่วยไวๆ กลับมามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ส่วน เจี๊ยบ เชิญยิ้ม ก็ขอให้ธุรกิจฝ่าวิกฤติ โควิด ไปได้ดีนะคะ