นิทานมะม่วงหิมพานต์ กับบันทึกจากห้องเก็บศพ ในช่วงโควิด

จากเรื่องเม็ดมะม่วง สู่ความรู้เรื่องการเก็บศพช่วงโควิด นิทานมะม่วงหิมพานต์ กับบันทึกจากห้องเก็บศพ แผนกนิติเวช ในช่วงโควิด

“เราจะล้างทำความสะอาดศพก่อนนำออกไปด้านนอก” ว่าแล้วทั้งหัวหน้าภาคและคนทำงานก็ช่วยกันตัดเสื้อผ้าตัวเดิมออก และเปิดน้ำราดไปบนลำตัวของคุณลุง

“ทำไมต้องล้างล่ะ ในเมื่อน้ำยาที่มีอยู่มันก็ทำให้รู้สึกสะอาดดีนะอ๊อด”

“ล้างครับ สำหรับเราอาจจะชิน แต่กับญาติๆเค้าอาจจะไม่ชินกับกลิ่นนี้ มันเหมือนไฮเตอร์ และมันไม่ควรติดตัวผู้ตายไปครับ” ผมรู้สึกว่าสิ่งที่เขาเล่าให้ฟัง และการกระทำต่อร่างผู้เสียชีวิตท่านนี้มันคือการแสดงความเคารพต่อทั้งศพ และญาติของเขาที่กำลังรออยู่ด้านนอก

มองไปอีกเตียง น้องแอนและน้องผู้ชายนักกีฏวิทยาคนนั้นหลังจากที่เขาได้ถ่ายรูปเพื่อบันทึกการตรวจเรียบร้อยก็ถอดเสื้อผ้าคุณยายออก และกำลังช่วยกันล้างร่างกายของผู้ตายเช่นเดียวกัน ร่างนู้นกำลังจะเสร็จ น้องแอนเช็ดตัวให้จนแห้ง และเตรียมสวมเสื้อผ้าชุดใหม่ให้คุณยาย

จากนั้นชายอีกสามสี่คนก็เข้ามาช่วยแต่งกายให้คุณลุงท่านนั้น ดูจากเสื้อผ้าที่เตรียมมา ผมจึงได้รู้ว่าก่อนเกษียณอายุราชการนั้น ท่านเคยทำงานอะไรมาก่อน จากนั้นก็ทำการห่อคลุมร่างด้วยผ้าดิบสีขาวแล้วเข็นออกไปยังห้องพักศพด้านข้าง

ผมสังเกตเห็นกลุ่มของญาติคุณลุงมายืนรออยู่แล้ว เธอคนนั้นถือธูปดอกใหญ่ อีกคนถือรูปของคุณลุง แล้วทุกคนก็เดินเข้าไปเพื่อดูบุคคลอันเป็นที่รักของครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย

สำหรับเราแล้วนั้น การจัดการเมื่อครู่นี้ คือการปิดจ๊อบงานลงได้อีกงานหนึ่ง แต่สำหรับครอบครัวของเขาแล้วนั้น มันคือการสูญเสียและจากลากันไปตลอดกาล

“เสียใจด้วยนะครับ” ผมได้ยินเสียงอาจารย์อ๊อดกล่าวกับญาติกลุ่มนั้นแล้วเดินจากมา

อาจารย์อ๊อดและอาจารย์ต้นยังคงนำผมเดินไปดูห้องเก็บศพอีกส่วนหนึ่ง

“ลบยี่สิบองศาครับ” อาจารย์ต้นบอก

ด้านในมีศพนอนอยู่หลายศพ ด้านในสุดร่างแทบจะเป็นน้ำแข็งแล้ว

“มีทั้งร่างอาจารย์ใหญ่ที่พวกพี่ใช้เรียนผ่าตัด และศพที่เรารับฝากเอาไว้แบบฝากนานๆครับ”

“หือ มีการฝากศพแบบนานๆด้วยเหรอน้อง”

“มีครับ อย่างน้อยก็ช่วงนี้ ที่ลูกหลานเดินทางลงมาไม่ได้เพราะติดเรื่องโควิดบ้าง ต้องทำเรื่องขอเดินทางจากผู้บังคับบัญชาบ้าง รวมถึงศพไร้ญาติครับ เพราะกว่าทางมูลนิธิจะมานำร่างไปฝัง ก็ต้องรอเป็นชุดๆไปครับ”

ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมวันนี้ต้องลงมาเที่ยวชมห้องเก็บและตรวจศพ แต่การมาในวันนี้อย่างน้อยก็ได้เห็นการพัฒนาของหน่วยงานนิติเวชวิทยาของโรงพยาบาลอย่างก้าวกระโดด เห็นการจัดการศพติดเชื้อโรคร้ายแรงอย่างเป็นระบบ แม้ว่าศพที่ผมได้ดูแล้วนั้นท้ายที่สุดไม่ใช่ผู้ติดเชื้อโควิดก็ตาม และที่รู้สึกอิ่มใจมากๆ ก็คือการจัดการของพวกเรา ที่ยังคงไว้ซึ่งความเคารพต่อเพื่อนมนุษย์จนถึงวันสุดท้าย

“พี่ทำคลอด พี่เห็นการเกิด พี่จัดการเรื่องการเกิด ส่วนพวกผม เอาไว้จัดการในวันสุดท้ายของชีวิต ครบวงจรเลยนะพี่” อาจารย์อ๊อดหัวเราะเสียงดังอย่างเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว

ผมรู้สึกว่าเขามีความสุข

“ผมส่งอาจารย์ตรงนี้นะครับ” อาจารย์ต้นกล่าวกับผมอย่างสุภาพ เขายังคงต้องมีงานค้างที่ต้องรีบจัดการให้เสร็จในห้องตรวจศพห้องเดิม

“ขอบใจนะต้น วันนี้เป็นเพราะเม็ดมะม่วงหิมพานต์ของนาย ผมเลยได้มาเที่ยวห้องตรวจพิสูจน์ศพ”

นึกเสียว่าได้มาเที่ยวป่าหิมพานต์ แถบนี้มันเคยเป็นที่ที่น่ากลัวมากในสมัยก่อน บรรยากาศมันไม่ดีเหมือนตอนนี้เลย เมื่อก่อนมันน่ากลัว วิเวกวังเวงเหมือนป่าช้า แต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไปในทางที่ดีอย่างมาก เสียอย่างเดียว ป่าหิมพานต์ตรงนี้ไม่มีกินรี ผมอยากเห็นกินรีถอดปีกลงอาบน้ำ แล้วผมก็ชะโงกดูฝูงปลาคาร์ปหลายตัวที่ว่ายน้ำอยู่ในอ่างขนาดใหญ่

“อย่าลืมกินเม็ดมะม่วงหิมพานต์นะครับ ของดีจากพังงาบ้านผมเอง” มันคือการทิ้งท้ายได้อย่างน่ารัก

“น้องครับ ส 1 นี่คืออะไรเหรอ” ผมสงสัยในแท่งตำแหน่งหน้าที่ของน้องคนที่เป็นนักกีฏวิทยา ที่พาตัวเองมาช่วยงานชันสูตรพลิกศพอยู่ในตอนนี้

“พนักงานสายสนับสนุนชั้น 1 ครับ” ทั้งอ๊อดและต้นตอบกลับมา

“ส 1” ผมทวนคำพูดช้า

“มันคือตำแหน่งเดียวกับของพวกเราทั้ง 3 คนเลยสินะ” ผมพูดขึ้นมาลอยๆ

“ยังไงเหรอครับ” อาจารย์ต้นถามขึ้นมา

“ส ตัวเดียว มีสอตัวเดียว”

“ส เดียว”

ในขณะที่อาจารย์ผู้ชายรุ่นน้องทั้ง 2 คนกำลังทำท่างงงงกับ ส เดียวของผมอยู่นั้น เจ้าแอนคนสวยก็ถึงกับยิ้มออกมาอย่างชัดแจ้ง

“แอนยิ้มทำไม” ผมถามเสียงดัง

“อาจ๊านนนนนน”

นิทานเรื่องเม็ดมะม่วงหิมพานต์ก็จบลงเพียงเท่านี้

สวัสดี

ธนพันธ์ ชูบุญเยือนแดนหิมพานต์ของโรงพยาบาล

จันได้อ่านแล้ว ถึงรู้ว่า ในช่วงเวลานี้มันนี้ วิกฤตสุดๆ ยังมีอีกหลายศพที่อยู่ในห้องเก็บศพ เพื่อรอญาติไปรับ สู้นะคะทุกคนเราจะผ่านไปด้วยกัน