ปลัด สธ.เผย หลังปีใหม่พบผู้ติดเชื้อ 87% เป็นสายพันธุ์โอมิครอน

ปลัด สธ.ห่วงคนสูงอายุ มีโรคประจำตัวยังไม่ฉีดวัคซีนเข็ม 3 หลังปีใหม่พบผู้ติดเชื้อ 87% เป็นสายพันธุ์โอมิครอน แม้อาการไม่รุนแรง แต่ทำคนมีปัจจัยเสี่ยงเสียชีวิตได้

เมื่อวานนี้(21 ม.ค. 65) นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เผยว่า  ขณะนี้ประเทศไทยได้ฉีดวัคซีนโควิด 19 ไปแล้วประมาณ 112 ล้านโดส ครอบคลุมเข็มแรก 72.1% เข็มที่สอง 66.6% และเข็มที่สาม 15.8% โดยช่วงนี้ส่วนใหญ่เป็นการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ได้กำชับให้หน่วยบริการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นตามสูตรที่กำหนด เช่น สูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า ให้กระตุ้นด้วยแอสตร้าเซนเนก้า  หรือถ้าฉีดแอสตร้าเซนเนก้า ทั้ง 2 เข็ม ให้กระตุ้นด้วยไฟเซอร์  เพื่อให้บริหารจัดการวัคซีนที่มีอยู่ได้ถูกต้อง

ยืนยันว่าวัคซีนที่รัฐบาลจัดหามาเป็นวัคซีนที่ดี โดยในปีนี้ได้เตรียมวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไว้ 60 ล้านโดส และไฟเซอร์ อีก 30 ล้านโดส สำหรับเป็นวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 และ 4 สำหรับแผนในเดือนกุมภาพันธ์ จะเน้นการฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 และเข็มกระตุ้นมากขึ้น ส่วนเข็มที่ 4 จะฉีดให้กับผู้ที่มีความเสี่ยงมาก เช่น บุคลากรทางการแพทย์ และผู้ที่มีความจำเป็น

นพ.เกียรติภูมิ กล่าวต่อว่า จากข้อมูลของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์พบว่าหลังเทศกาลปีใหม่ พบ 87% เป็นสายพันธุ์โอมิครอน ซึ่งมักไม่แสดงอาการและอาการไม่รุนแรง แต่ยังส่งผลกระทบต่อผู้ที่มีความเปราะบางต่อการเจ็บป่วยรุนแรง เช่น ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว อาจทำให้เสียชีวิตได้

นอกจากนี้ ข้อมูลของกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ยังพบว่าผู้ที่เสียชีวิตตั้งแต่ช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ เป็นผู้สูงอายุเกิน 70 ปี ถึง 159 ราย อายุ 60-69 ปี 58 ราย อายุ 50-59 ปี 33 ราย ซึ่งผู้สูงอายุมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตมากกว่าผู้ที่อายุน้อย ส่วนหนึ่งมาจากการมีโรคประจำตัวร่วมด้วย ดังนั้น กลุ่ม 607 จำเป็นต้องได้รับการป้องกันด้วยวัคซีนให้มากที่สุดทั้งเข็มปกติและเข็มกระตุ้น ถึงแม้การฉีดวัคซีนจะไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อ 100% แต่ช่วยป้องกันการป่วยหนักและเสียชีวิตได้ชัดเจน

คลิปแนะนำอีจัน
“คนใกล้ชิด” เบาะแสคนเหี้ยม สาดน้ำกรด #สาวเสียโฉม