เชฟรอน จับมือ จุฬาฯ วิจัยสำเร็จ ฝึกสุนัขดมกลิ่นหาผู้ป่วยโควิด แม่น 94.8%

ครั้งแรกของไทย เชฟรอน จับมือ จุฬาฯ วิจัยสำเร็จ ฝึกสุนัขดมกลิ่นหาผู้ป่วยโควิด แม่น 94.8%

ครั้งของประเทศไทยฝึกสุนัขดมกลิ่นเพื่องานทางการแพทย์!

วันนี้ (16 มี.ค. 64) จันนำเรื่องน่ายินดีมาเล่าให้ลูกเพจอ่าน เนื่องจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จับมือกับเชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ประกาศความสำเร็จ “ ใช้สุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ (K9 Dogs Sniff COVID-19) ”

สำหรับโครงการวิจัยนี้ เริ่มตั้งแต่ เดือน กันยายน 2563 ซึ่งมีนักวิจัยจากคณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการค้นคว้าวิจัย โดยได้รับทุนสนับสนุนจาก บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กว่า 1,085,600 บาท โดยมี บริษัท พี คิว เอ แอสโซซิเอท จำกัด (PQA Associates Ltd.) เป็นผู้สนุนด้านการฝึกสุนัขจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43

ศาสตราจารย์ สัตวแพทย์หญิง ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เผยว่า “เราต้องการฝึกสุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ เนื่องจากในการตรวจคัดกรองผู้เดินทางในพื้นที่สาธารณะ และในสนามบินด้วยเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ มีข้อจำกัด คือ ไม่สามารถแยกผู้ป่วยที่ไม่มีอาการได้

จึงมีแนวคิดที่จะใช้ศักยภาพของจมูกสุนัข ที่มีเซลล์ประสาทรับรู้กลิ่นมากกว่า 300 ล้านเซลล์ ซึ่งมากกว่ามนุษย์ถึง 50 เท่า สามารถระบุสารประกอบอินทรีย์ระเหยง่ายจากเหงื่อของผู้ป่วยที่มีลักษณะเฉพาะแตกต่างจากคนทั่วไปที่ไม่ได้ติดเชื้อ โดยการใช้สุนัขดมกลิ่นจึงช่วยลดโอกาสในการเล็ดรอดของผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ จากการคัดกรองด้วยเครื่องวัดอุณหภูมิ

อีกทั้ง สามารถนำมาใช้ร่วมกับการตรวจวัดอุณหภูมิ ให้มีความแม่นยำในการคัดกรองสูงขึ้น”

ในระยะแรกของการฝึกสุนัข จะให้สุนัขจดจำกลิ่นเหงื่อใต้รักแร้ที่ดูดซับโดยแท่งสำลี และกลิ่นเหงื่อจากถุงเท้าของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และคนปกติที่ได้รับการยืนยันผลตรวจด้วยวิธี RT-PCR แล้ว ซึ่งมีทีมแพทย์ และสัตวแพทย์ดูแลด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ถึงแม้ว่าในเหงื่อจะไม่มีเชื้อไวรัส ทางคณะผู้วิจัยได้ทำการฆ่าเชื้อที่อาจปนเปื้อนมาในเหงื่อด้วยวิธีตามเกณฑ์มาตรฐานสากล”

จากผลการทดสอบสุนัขทั้ง 6 ตัว ก่อนออกไปปฏิบัติงานจริง พบว่ามีความไวในการตรวจหาตัวอย่างบวก (Sensitivity) หรือ การดมกลิ่นตัวอย่างที่มีผลบวกได้ถูกต้อง เฉลี่ย 97.6% และความจำเพาะในการดมกลิ่น (Specificity) หรือ การดมกลิ่นตัวอย่างที่มีผลลบได้ถูกต้องเฉลี่ย 82.2%

ทำให้ได้ค่าความแม่นยำ (Accuracy) สูงถึง 94.8% ซึ่งใกล้เคียงกับผลการวิจัยในประเทศเยอรมัน ที่พบว่าสุนัขมีความแม่นยำ (Accuracy) ในการจำแนกผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 สูงถึง 94%

นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับชุดตรวจมาตรฐานโดยคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ยังพบว่า สุนัขของเรามีค่าความไวสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนด ถือเป็นทีมวิจัยกลุ่มแรกและสุนัขต้นแบบกลุ่มแรกของประเทศไทยที่สามารถปฏิบัติงานทางด้านการแพทย์ในการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งขณะนี้ ทางคณะกำลังเตรียมนำผลงานวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่ ให้เกิดประโยชน์ต่อวงวิชาการทั่วโลก

ด้าน น.ส.กิ่งกาน แก้วฝั้น ผู้จัดการโครงการ บริษัท พี คิว เอ แอสโซซิเอท จำกัด (PQA Associates Ltd.) ในฐานะผู้ดำเนินการภาคสนามด้านการเตรียมตัวและฝึกสุนัข เผยว่า “ทางบริษัท PQA ได้คัดเลือกสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) จำนวน 6 ตัว ที่ยังไม่เคยผ่านการฝึกใดๆ เพื่อนำมาฝึกฝนในโครงการวิจัยนี้ เนื่องจากสุนัขพันธุ์นี้ มีลักษณะนิสัยที่เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย อีกทั้งยังเป็นพันธุ์ที่มีโพรงจมูกยาว ทำให้มีประสาทการดมกลิ่นที่ดี

สำหรับการฝึกนั้น จะใช้โมเดลเดียวกับการฝึกดมสารเสพติด โดยมีครูฝึกจากกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 มาฝึกอบรมสุนัขร่วมกับครูฝึกของ PQA โดยใช้ระยะเวลาในการฝึกฝนสุนัขรวม 6 เดือน ระยะแรกจะเป็นการฝึกให้เชื่อฟังคำสั่งพื้นฐาน เพราะต้องให้สุนัขมีระเบียบวินัยก่อนเริ่มการฝึกดมกลิ่นผู้ติดเชื้อโควิด-19

จากนั้นก็ใช้เทคนิคเฉพาะซึ่งมีสองอย่าง คือ เทคนิคสลับตัวอย่างกลิ่นเหงื่อ และเทคนิคความแม่นยำในการจดจำกลิ่นเหงื่อของผู้ป่วย โดยนำแท่งสำลีซับเหงื่อของทั้งผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 และเหงื่อของคนปกติ ไปบรรจุในขวดแก้ว หลังจากนั้นจึงนำไปติดตั้งบนอุปกรณ์วงเวียนแบบ 6 ขาและแบบ 1 ขา เพื่อใช้ทดสอบสุนัข เมื่อสุนัขได้กลิ่นเหงื่อของผู้ป่วยโควิด-19 สุนัขจะนั่งลงทันที