(16 ธ.ค.64) เวลาประมาณ 19.00 น. ที่เรือนจำจังหวัดกระบี่ ได้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อแกนนำผู้ต้องขังชาย จำนวน 40 คน ก่อหวอดรวมตัวเรียกร้องขอน้ำดื่มและขอยารักษาโรค จากเจ้าหน้าที่เรือนจำ และละความพยายามด้วยการเรียกร้อง ให้เจ้าหน้าที่นำคนเจ็บส่งโรงพยาบาล แต่เจ้าหน้าที่บอกว่าต้องรอดูอาการของผู้ป่วยก่อน จนกระทั่งเวลา 22.00 น. กลุ่มผู้ต้องขังดังกล่าวได้ทำลายฝาผนังห้องนอนชั้นสองจำนวน 3 ห้อง ของเรือนนอนผู้ต้องขังชายซึ่งเป็นอาคาร 2 ชั้น และได้ปลุกระดมชักชวนผู้ต้องขังคนอื่นๆ มารวมตัวได้ประมาณ 400 คน มาอยู่ที่ลานหน้าโรงนอน
หลังจากเกิดเหตุ นายจรุญ นาคแก้ว ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกระบี่ นำกำลังเจ้าหน้าที่ เข้าเจรจาพูดคุยทำความเข้าใจ แต่กลุ่มผู้ต้องขังไม่ยอมเจรจาได้บุกเข้าไปในอาคารโรงฝึกงาน ทำลายทรัพย์สิน และได้นำเอาไม้ เหล็ก มาเป็นอาวุธขว้างปาใส่เจ้าหน้าที่ ผู้ต้องขังบางคนพยายามที่จะปีนกำแพงซึ่งมีรั้วลวดหนามหลบหนี เจ้าหน้าที่ต้องใช้อาวุธปืนยิงกระสุนยางใส่ แต่ผู้ต้องขังไม่ได้ลดความพยายามบุก พยายามพังประตูชั้นแรกของในเรือนจำ เมื่อเหตุการณ์รุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทางผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดกระบี่ ได้ประสานพลตำรวจตรี ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ ขอกำลังชุดปราบปรามฝูงชน จำนวน 1 กองร้อย ขอกำลังทหาร อาสารักษาดินแดนจังหวัดกระบี่ที่ 1 มาทำการปิดล้อมรอบกำแพงเรือนจำจังหงวัดกระบี่ เพื่อป้องกันการหลบหนีของผู้ต้องขัง
ส่วนสาเหตุการความไม่สงบของผู้ต้องขัง เรือนจำจังหวัดกระบี่ ในครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีผู้ต้องขังติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 3 คน และเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.64 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ทีมสวบสวนโรคโรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ ได้ร่วมกับหน่วยสอบสวนโรคสาธารณสุขอำเภอเมืองกระบี่ เข้ามาคัดกรองตรวจหาเชื้อโควิด จากผู้ต้องขังทั้งหมด 2,159 คน ปรากฏว่า ผลออกมา ติดเชื้อประมาณ 300 คน ทำให้ผู้ต้องขังคนอื่นๆว่าจะติดเชื้อไปด้วย จึงก่อความไม่สงบขึ้นเพื่อต้องการให้ทางเรือนจำจังหวัดกระบี่ นำคนที่ไม่ติดเชื้อออกไปอยู่ที่อื่น และให้ผู้ติดเชื้ออยู่ในเรือนจำ
ความคืบหน้าล่าสุด วันนี้ (17 ธ.ค.64) เวลา 09.00 น. ทางเรือนจำจังหวัดกระบี่ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำผู้ป่วยโควิด ที่มีอาการรุนแรงเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลจังหวัดกระบี่ จำนวน 3 คน และเข้าโรงพยาบาลสนามตึกโกเมน 10 คนแล้ว
ผู้บัญชาการเรือนจำภาค 8 นำกำลังชุดปฏิบัติการพิเศษ 100 คน จากเรือนจำ 6 จังหวัด 7 แห่ง มาสมทบ และขนย้ายผู้ต้องขังหญิง 263 คน ไปไว้ที่เรือนจำชั่วคราวกระบี่น้อย หลังจากนั้นผู้ต้องขังได้ปล่อยนักโทษคดีอุกฉกรรจ์ ออกจากโรงนอนและทำทำลายโรงนอนดังกล่าว รวมถึงโรงครัวเพื่อเอามีดมาเป็นอาวุธ และทำระเบิดเพลิง โดยเอาอุปกรณ์ต่างๆมาจากโรงฝึกงานวิชาชีพ
จนกระทั่ง 10.00 น. นายพุฒิพงศ์ ศิริมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พร้อมด้วยพลตำรวจตรี ชัยวัฒน์ อุ้ยคำ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมประชุมปรึกษาหารือในการเข้าเคลียพื้นที่ภายในเรือนจำจังหวัดกระบี่ และทำการตรวจคัดกรองหาเชื้อไวรัสโควิด-19 จากผู้ต้องขังที่มีความสมัครใจ เพื่อนำไปเข้ารับการรักษาหรือกักตัวรอดูอาการต่อไป โดยไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าฟังการประชุม ซึ่งใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 1 ชั่วโมงได้ข้อสรุปว่า ให้ผู้ต้องขังส่งตัวแทนมาเจรจารับทราบข้อเรียกร้องจากแกนนำนักโทษที่มีอยู่ประมาณ 20 คน จัดหาอาหารกล่องให้นักโทษที่อยู่ทั้งหมด เนื่องจากโรงเรือนประกอบอาหารเสียหายจากก่อเหตุความวุ่นวาย ให้ทีมสอบสวนโรคทำการตรวจคัดกรองไวรัสโควิด-19 โดยเคลื่อนย้ายนักโทษจากที่พักมาที่แดนขังหญิง ซึ่งเป็นพื้นที่ว่างเนื่องจากได้ย้ายผู้ต้องขังหญิง 288 คน ออกไปอยู่ที่เรือนจำชั่วคราวที่กระบี่น้อยและทำการคัดกรองหาเชื้อโรคดังกล่าว ชุดแรกจำนวน 500 คน หากคนใดมีผลออกมาเป็นบวกแล้ว ก่อนวันที่ 15 – 16 ธงค.64 จะตรวจ X- ray เพื่อแยกแกนนำไปเรือนจำจังหวัดพังงาและจังหวัดภูเก็ต ส่วนผู้ที่ติดเชื้อมีผลเป็นบวก นำไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนาม กองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 15 อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ พัน 1 ซึ่งรองรับได้ 50 คน