ชาวนายิ้ม ราคาข้าวพุ่งเกินตันละหมื่น สูงสุดรอบ 17 ปี มีลุ้นขยับขึ้นอีก

ชาวนาได้เฮ ราคาข้าวปรับพุ่งเกินหมื่นบาทต่อตัน สูงที่สุดในรอบ 17 ปี คาด ราคาอาจปรับตัวสูงเพิ่มได้อีก

ถือเป็นข่าวดีสำหรับชาวนาและเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทุกคน หลังราคารับซื้อข้าวเปลือกปรับตัวสูงขึ้นในรอบ 17 ปี และมีแนวโน้มว่าอาจจะขยับตัวสูงขึ้นได้อีก 

เมื่อวันที่ 15 มี.ค. 67 นายกสมาคมชาวนาและเกษตรกรไทย นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ เปิดเผยถึงสถานการณ์ของราคาข้าวในตอนนี้ว่า ราคาข้าวเปลือกทุกชนิดในตอนนี้นั้น มีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเกินตันละ 1 หมื่นบาทแล้ว ถือว่าปรับขึ้นสูงที่สุดในรอบ 17 ปี เลยทีเดียว จากที่เดิมทีราคาข้าวเปลือกนาปรังในช่วงนี้จะอยู่ที่ 7-8 พันบาทต่อตันเท่านั้น 

สำหรับการคาดการณ์ราคานั้นอาจจะขยับเพิ่มสูงขึ้นได้อีก เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความแห้งแล้งจากสภาวะเอลนีโญที่เกิดขึ้นในปี 2566 โดนตอนนี้อยู่ในช่วงการเก็บเกี่ยวข้าวเปลือกนาปรังรอบแรกปี 2567  

โดยล่าสุดข้าวเปลือกปทุมธานี เกี่ยวสด(ความชื้นเกิน 25%) ขายได้ 12,800 บาทต่อตัน ข้าวเปลือกเจ้าขาวทั่วไปขายได้ 10,800-11,000 บาทต่อตัน ถ้าเป็นข้าวเปลือกเจ้าแห้ง ปทุมธานี ขายได้ 15,000-16,000 บาท ข้าวขาวทั่วไปขายได้ ไม่น้อยกว่า 14,000 บาท และมีแนวโน้มที่ว่าราคาจะทรงตัวหรือขยับสูงได้อีก โดยขึ้นอยู่กับปัจจัยเรื่องสภาพอากาศ และปริมาณน้ำ หากร้อน แล้ง และน้ำน้อย ก็จะมีผลต่อผลผลิตที่อาจเกิดความเสียหายได้บ้าง 

อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจนาปรังในรอบแรกนี้ มีการเก็บเกี่ยวกันมาแล้วกว่า 2 เดือน โดยน่าจะเพิ่มมากขึ้นก่อนสงกรานต์ หากไม่มีปัญหาความแห้งแล้ง และการขาดน้ำ ผลผลิตข้าวนาปรังจะมากเพียงพอสำหรับการบริโภคและส่งออกเป็นไปตามเป้า ส่วนสิ่งที่เสนอรัฐบาล และ ก.เกษตร คือ การจัดเตรียมแหล่งน้ำ พัฒนาพันธุ์ข้าวที่ทนต่อโรค และเก็บเกี่ยวได้เร็วขึ้นไม่เกิน 95-100 วัน ควรจะ 75-80 วัน โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่มต้องมีการพัฒนาที่สามารถเพาะปลูกได้ดี เพราะพันธุ์ข้าวที่เราใช้ปลูกยังพบเรื่องการไม่ทนกับโรค และมีคุณภาพที่ไม่ดีหลังเก็บเกี่ยว อีกทั้งผลผลิตต่อไร่นั้นยังไม่เทียบเท่ากับประเทศเพื่อนบ้าน โดยในเดือนเมษายนนี้ ทาง ก.เกษตรฯ จะมีการเปิดตัวสายพันธุ์ข้าวที่ได้รับการพัฒนา 10 สายพันธุ์ด้วยกัน