‘พิธา’ บู๊กลับ รัฐสภาไม่ควรมีศาลเตี้ย ยืนยันคุณสมบัติสมบูรณ์ ชอบธรรม

‘พิธา’ โต้เดือด รัฐสภาไม่ควรมีศาลเตี้ย ยืนยันคุณสมบัตินายกรัฐมนตรี สมบูรณ์แบบทุกประการ และชอบธรรม

การประชุมรัฐสภา วันนี้ (13 ก.ค.66) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 โดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอชื่อบุคคลที่สมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คือ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.)

ตามมาตรา 272 รัฐธรรมนูญมาตรา 159 และข้อบังคับการประชุมร่วมรัฐสภาข้อ 136 เป็นบุคคลที่ไม่มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ 160 และถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมืองตามรัฐธรรมนูญมาตรา 88

ซึ่งภายหลัง นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส. อุทัยธานี เขต 2 พรรคภูมิใจไทย และ นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ได้ปภิปรายเรื่องคุณสมบัติผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

และถัดจากนั้น นายพิธา ได้อภิปรายทักท้วง โดยขอใช้สิทธิพาดพิงในที่ประชุมสภา ระบุว่า ขอบคุณนายชาดา และนายประพันธ์ ที่ได้อภิปรายสอบถามในหลายเรื่อง เกี่ยวกับคุณสมบัติ ในฐานะผู้ที่ถูกเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ของประเทศไทย

โดยการที่ นายชาดา ได้ติติงบุคลิก ติติงภาวะผู้นำนั้น ส่วนตัวกำลังพยายามที่จะพัฒนาอยู่เหมือนกัน พยายามที่จะพัฒนาให้เป็นคนที่ ฟังมากกว่าพูด ขณะเดียวกัน ก็พัฒนาภาวะผู้นำ ให้เป็นคนที่รักษาคำพูด เหมือนกับสโลแกนของพรรคท่านเหมือนกัน คือ พูดแล้วทำ เพราะฉะนั้น สัญญาที่เคยให้ไว้กับพี่น้องประชาชนอย่างไร ก็ยังคงเป็นแบบนั้น

อีกทั้ง ยังพยายามที่จะพัฒนาคุณลักษณะ ความเป็นผู้นำว่า ถึงจะไม่เห็นด้วย กับทุกเรื่องที่ นายชาดา ได้พูด แต่ก็เห็นว่า นายชาดา มีเสรีภาพในการที่จะพูด และนี่คือหน้าที่ของรัฐสภา คือหน้าที่ของสภา ที่นายชาดา ก็มีประสบการณ์ แบบหนึ่ง มีความคิดแบบหนึ่งส่วนตัวก็มีชุดความคิดแบบหนึ่ง ประสบการณ์แบบหนึ่ง

ดังนั้น นี่คือสาเหตุที่เราต้องใช้รัฐสภา ในการแก้กฎหมายนิติบัญญัติ และข้อขัดแย้งตลอดมาของประเทศไทย และนี่คือสิ่งที่อยากเห็นตั้งแต่สมัยที่แล้วแล้ว และที่ นายชาดา ได้กล่าวถึงการลดโทษ หรือมีการคุ้มครองก็ดี ซึ่งเวทีนี้เป็นเวทีเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่เวทีในการแก้ไขหรือกฎหมายใดๆ เพราะฉะนั้น ตรงนี้จึงคิดว่า เป็นบรรยากาศที่ดี

“ผู้นำที่ดีของประเทศนี้ ต้องมีความอดทนอดกลั้น รับฟังข้อกล่าวหาที่จะจริงหรือไม่จริงก็แล้วแต่” นายพิธา กล่าว

ทั้งนี้ เมื่อเรายื่นเสนอข้อกฎหมายไม่มีใครผูกขาดชุดความคิดใดชุดความคิดหนึ่งได้ คนที่อายุมากกว่าก็อาจจะคิดอีกแบบหนึ่ง คนรุ่นเดียวกันก็อาจจะคิดอีกแบบหนึ่ง คนที่อายุน้อยมากกว่าก็อาจจะคิดอีกแบบหนึ่ง นี่คือหน้าที่ของสภาผู้แทนราษฎรในการแก้ไขข้อขัดแย้งผู้แทนพี่น้องประชาชน ผู้แทนราษฎรก็คือผู้แทนราษฎร ที่มีความคิดแตกต่าง และถ้าเราพูดกันอย่างมีวุฒิภาวะ พูดกันอย่างไม่มีคำหยาบคาย แล้วใช้เหตุใช้ผลกันนี่คือทางออกของประเทศ ในทุกความขัดแย้งที่เกิดขึ้น อันนี้คือสิ่งที่เห็นด้วยกับ นายชาดา อย่างยิ่ง

แต่สิ่งที่ไม่เห็นด้วย และอาจยังเป็นข้อที่คลางแคลงใจอยู่ คือเรื่องศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ที่ตามหลักของเขา หมายความถึง อาชญากรรมทางสงคราม การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ โดยข้อที่นายชาดา กล่าวถึงคือข้อที่ 27 ซึ่งประเทศต่างๆ ทั่วโลกที่เป็นระบบเดียวกับเรา คือระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข มีอยู่ 123 ประเทศ เช่น ญี่ปุ่น, อังกฤษ, กัมพูชา, สวีเดน และเดนมาร์ก เป็นต้น เพราะฉะนั้น ตรงนี้ถ้าเราเข้าใจว่าพระองค์ท่านอยู่เหนือการเมือง ท่านใช้ทรงอำนาจผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) อยู่แล้ว

นี่ไม่ได้เป็นประเด็นที่อย่างที่ นายชาดา ได้กล่าวหา จึงไม่เห็นด้วยอย่างมาก และการที่จะบอกว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการที่จะเข้า ICC เพราะมีคนพูดว่าใครหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ เอาปืนไปยิงมันเลย อันนี้ไม่แน่ใจว่า คนที่สูญเสียไปตั้งแต่ยังไม่รู้ว่า ใครเป็นคนยิงเมื่อหลายปีก่อน 99 ศพที่ราชประสงค์ และย้อนหลังไปถึงเรื่อง 6 ตุลาคมและ 14 ตุลาคม เป็นต้น ที่ยังไม่รู้ว่าวัฒนธรรมรับผิดรับชอบที่เกิดขึ้น เขาจะรู้สึกอย่างไร เมื่อมีคนอภิปรายเรื่องนี้ในรัฐสภาแห่งนี้ อันนี้เป็นสิ่งที่ไม่เห็นด้วย และขออนุญาตใช้สิทธิ์พาดพิงในการชี้แจง

ส่วน กรณีนายประพันธ์ นั้น ต้องขอยืนยันผ่านประธานรัฐสภา ไปยังสมาชิกทั้ง 750 คน ที่มีสิทธิ์ในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ ว่า ยังมีคุณสมบัติสมบูรณ์แบบทุกประการ และด้วยความชอบธรรม ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการที่ตัวเองก็ยังไม่ทราบข้อกล่าวหาว่าคืออะไร เห็น แต่มติก็ผ่านสื่อมวลชน ยังไม่รู้เลยว่าสงสัยในประเด็นไหน แล้วหลักการที่บอกว่าสมมุติฐานไว้ว่า บริสุทธิ์ไว้ก่อน

“มีศาลเตี้ยในรัฐสภาแห่งนี้ไม่ได้ ผมยังไม่มีโอกาสจะชี้แจงแม้แต่ครั้งเดียว และคราวที่แล้วปี 2562 ก็มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ก็ไม่ได้กระทบการเลือกนายกรัฐมนตรีไม่ใช่หรือ เพราะถ้าผมจำไม่ผิด ท่านบอกว่ารัฐบาลที่รวมเสียงข้างมาก ก็จะออกมา 249 เสียงตามนั้นไม่มีแตกแถว ก็เคยเกิดขึ้นแล้วไม่ใช่หรือ ฉะนั้น ไม่ต้องกังวล

ส่วนที่บอกว่า ม.6 ขึ้นมหาวิทยาลัย เรื่องของวิญญูชน ผมรัดกุมมาตลอด ยื่นป.ป.ช.แล้ว รัดกุมมาตลอดเกี่ยวกับคุณสมบัติ สอบถามทั้ง ก.ก.ต. สอบถามทั้ง ป.ป.ช.ทุกครั้ง ตั้งแต่เป็น ส.ส ในครั้งแรกจนครั้งนี้ และครั้งต่อไป และครั้งต่อๆ ไป เพราะผมยอมรับในการตรวจสอบ ซึ่งก็ยังดีกว่าบางคน ที่ไม่ได้อยู่ในกระบวนการตรวจสอบไม่ว่าจะทั้ง ป.ป.ช. หรือ ก.ก.ต.ก็ตาม” นายพิธา กล่าว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง:

ชาดา ไทยเศรษฐ์ ผู้เริ่มอภิปราย ยันไม่สนับสนุนพรรคแก้ไข 112กกต. ส่ง ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัย ปม พิธา ถือ หุ้นไอทีวี’ก้าวไกล’ ออกแถลงการณ์ ชี้ กกต. ข้ามขั้นชงคดีหุ้น itv ให้ศาลรัฐธรรมนูญ
คลิปอีจันแนะนำ
พิธา ไม่กังวล ขอบคุณทุกกำลังใจ หุ้นสื่อitv