ช่วงปีที่แล้วจนปีนี้กระแสรถไฟฟ้าได้เสียงตอบรับจากคนที่จะซื้อรถเป็นอย่างมาก เรียกว่าเป็นกระแสข้ามปีเลยทีเดียว โดยสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดการณ์ยอดจดทะเบียนใหม่ของรถยนต์ไฟฟ้าประเภทแบตเตอรี่ (BEV : Battery Electric Vehicle) ในปี 2566 จะอยู่ที่ระหว่าง 25,000-35,000 คัน ซึ่งเป็นการเติบโตกว่า 2 เท่าจากปี 2565 ที่ผ่านมา
ขณะที่ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค.66 กฎหมายใหม่เช่าซื้อรถยนต์-รถจักรยานยนต์ได้บังคับใช้แล้ว ดังนั้นหากใครเล็งจะซื้อรถยนต์ก็ต้องศึกษาข้อมูลกฎหมายใหม่นี้ให้เข้าใจ โดยรถยนต์ใหม่คิดดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 10 ต่อปี รถยนต์มือสองไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี รถจักรยานยนต์ไม่เกิน ร้อยละ 23 ต่อปี
ย้ำ! อยากออกรถยนต์-จยย. กม.ใหม่เริ่ม! 10 ม.ค.66เพื่อเอาใจคนอยากได้รถอีวี อีจัน ขอนำ 4 ข้อที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้า 100% หรือ เรียกสั้นๆ ว่า EV (Electric Vehicle) มาแนะนำกันค่ะ
1. เลือกแบรนด์และรุ่นที่เหมาะกับตนเอง
วันนี้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV มีให้เลือกหลากหลายแบรนด์ นับแล้วมีมากจริงๆ รถยนต์มีมากกว่า 20 แบรนด์ และรถจักรยานยนต์อีกกว่า 50 แบรนด์ ดังนั้น ผู้ซื้อรถอีวีจึงสามารถเลือกแบรนด์และรุ่นที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์และกำลังซื้อของตนเองได้
2. เช็กเรื่องประกันภัยของรถอีวีแต่ละแบรนด์ให้ชัดเจน
เนื่องจากประเด็นนี้อาจยังคาใจหลายคน คือ ประกันภัยรถอีวีแตกต่างกับประกันภัยรถทั่วไปอย่างไร ซึ่งประกันภัยรถที่เราชำระเบี้ยทุกปีนั้น คือ ประกันอุบัติเหตุ ซึ่งให้ความคุ้มครองรถทุกประเภทเหมือนกันใน 3 ส่วน ได้แก่ บุคคลภายนอก บุคคลในรถ และความเสียหาย/สูญหาย/ไฟไหม้ของตัวรถยนต์ที่เกิดจากอุบัติเหตุ
ขณะที่ในส่วนของแบตเตอรี่ของรถอีวี ซึ่งเทียบได้กับเครื่องยนต์ของรถสันดาปภายใน จะเป็นการรับประกันจากผู้ผลิต ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละแบรนด์และโมเดล ผู้ซื้อรถอีวีจึงควรตรวจสอบความคุ้มครองอย่างถี่ถ้วน เพื่อวางแผนค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมรถที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยหากต้องการความคุ้มครองเพิ่มเติม ก็สามารถเลือกซื้อประกันคุ้มครองอะไหล่ (Extended Warranty) ได้เช่นกัน
3. ศึกษาแอปพลิเคชันที่คนใช้รถไฟฟ้าต้องมี
การซื้อรถอีวี ผู้ใช้มือใหม่มักกังวลเรื่องการชาร์จไฟฟ้า ดังนั้น การหาข้อมูลเพื่อวางแผนการเดินทางจึงเป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้นคนใช้รถอีวี ต้องมีแอปพลิเคชันค้นหาสถานีชาร์จติดโทรศัพท์มือถือไว้เลย เช่น PTT EV Station, PEA Volta, EleXA, EA Anywhere, MEA EV เป็นต้น ขณะที่ผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน GO by Krungsri Auto ก็สามารถใช้ฟีเจอร์ “สถานีชาร์จรถไฟฟ้า (EV Station)” เพื่อตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งของสถานีชาร์จ สถานะพร้อมใช้งาน และประเภทเครื่องชาร์จของแต่ละสถานีได้แบบเรียลไทม์ได้เช่นกัน