กรมสรรพสามิตเดินหน้ากำกับเข้มค่ายรถไฟฟ้าที่รับเงินอุดหนุนจากรัฐ ล่าสุดเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) อนุมัติมาตรการ “ฟันไม่ไว้หน้า” หากผู้ผลิตไม่สามารถดำเนินการตามเงื่อนไขที่ตกลงไว้ในโครงการ EV 3.0
ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ว่า กรมสรรพสามิตเตรียมนำเสนอคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ (บอร์ด EV) เพื่ออนุมัติเงื่อนไขการยับยั้งการจ่ายเงินอุดหนุน ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อให้อำนาจกรมสรรพสามิตในการดำเนินการอย่างทันท่วงทีกรณีค่ายรถไฟฟ้าไม่สามารถผลิตได้ตามเงื่อนไข
ผู้เข้าร่วมมาตรการต้องจัดทำ “แผนคาดการณ์การผลิตชดเชยตามมาตรการเป็นรายเดือน” และ “กำลังการผลิตรายเดือน” และให้แจ้งต่อกรมสรรพสามิต โดยกรมสรรพสามิตสามารถ “หยุดการจ่ายเงินอุดหนุนไว้ก่อนทันที” ตามเงื่อนไข ดังนี้
1. กรณีไม่มีความประสงค์หรือไม่สามารถขยายเวลาการผลิตชดเชยได้
1.1 มียอดการผลิตชดเชยสะสมตามมาตรการ EV 3 ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนที่ต้องผลิตชดเชยทั้งหมดภายในปี 2568 หรือ
1.2 มียอดการผลิตชดเชยสะสมตามมาตรการ EV 3 ต่ำกว่าร้อยละ 15 ของแผนการผลิตชดเชยสะสม
2. กรณีขยายเวลาการผลิตชดเชยตามมาตรการ EV 3
2.1 มียอดการผลิตชดเชยสะสมต่ำกว่าร้อยละ 35 ของจำนวนที่ต้องผลิตชดเชยทั้งหมด (สำหรับผู้ได้รับสิทธิขยายเวลาถึงปี 2569) และมียอดการผลิตชดเชยสะสมต่ำกว่าร้อยละ 25 ของจำนวนที่ต้องผลิตชดเชยทั้งหมด (สำหรับผู้ได้รับสิทธิขยายเวลาถึงปี 2570) หรือ
2.2 มียอดการผลิตชดเชยสะสมตามมาตรการ EV 3 ต่ำกว่าร้อยละ 15 ของแผนการผลิตชดเชยสะสม
โดยกรมสรรพสามิตสามารถดำเนินการหยุดการจ่ายเงินอุดหนุนไว้ก่อนทันที จนกว่าจะสามารถผลิตได้ตามเงื่อนไขข้างต้นมาตรการนี้ถูกออกแบบมาเพื่อไม่ให้ค่ายรถที่รับเงินอุดหนุน “กินเปล่า” แล้วไม่ผลิตรถยนต์ในไทยตามสัญญา ซึ่งเป็นประเด็นที่ถูกจับตามองอย่างมาก หลังมีข่าวว่า บางค่ายเน้นขายรถนำเข้า โดยยังไม่เริ่มไลน์ผลิตจริงในประเทศ การออกมาตรการเชิงรุกครั้งนี้ ยังสะท้อนว่าภาครัฐต้องการเร่งผลักดันอุตสาหกรรม EV ไทยให้เดินหน้าได้จริง และมีความยั่งยืน ไม่ใช่แค่แจกเงินแล้วปล่อยให้ตลาดจัดการตัวเอง
แม้นโยบายสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าจะส่งผลให้ยอดขายรถ EV พุ่งสูงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ในด้านการผลิต ยังมีคำถามใหญ่เกี่ยวกับความพร้อมและความจริงใจของค่ายรถ การ “เบรกจ่ายเงินทันที” หากผิดแผน คือการขีดเส้นใต้ว่า รัฐจะไม่ยอมให้เงินภาษีประชาชนถูกใช้ไปโดยไร้ประสิทธิภาพอีกต่อไป