
(วันนี้ 5 พ.ค.68) น.ส.ศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า ผลการจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลในช่วงครึ่งแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม 2567 – มีนาคม 2568) เป็นไปในทิศทางที่ดี โดยสามารถจัดเก็บรายได้สุทธิรวม 1,195,662 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการในเอกสารงบประมาณ 1,807 ล้านบาท หรือ 0.2% และเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 26,503 ล้านบาท หรือ 2.3%
รายได้หลักที่เก็บเพิ่มขึ้นมาจากภาษีมูลค่าเพิ่ม สะท้อนการบริโภคภายในประเทศที่ฟื้นตัว และการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจ ในส่วนของรายได้จากภาษีรถยนต์ยังคงต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากมาตรการส่งเสริมการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทำให้อัตราภาษีเฉลี่ยลดลงตามโครงสร้างใหม่

สำหรับการจัดเก็บรายได้ของหน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมสรรพากร กรมสรรพสามิต และกรมศุลกากร รวมทั้งสิ้น 1,288,536 ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 38,263 ล้านบาท หรือ 3.1% โดยกรมสรรพากรจัดเก็บได้ 966,200 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 10,157 ล้านบาท ขณะที่กรมสรรพสามิตและกรมศุลกากรจัดเก็บต่ำกว่าประมาณการ เนื่องจากผลกระทบจากโครงสร้างภาษีใหม่และการชะลอตัวของการนำเข้า
ในด้านรายได้นำส่งคลัง รัฐบาลมีรายได้รวม 1,189,432 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 25,558 ล้านบาท หรือ 2.2% โดยรายได้หลักมาจากภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและนิติบุคคล รวมถึงเงินจากการจำหน่ายพันธบัตรเพื่อนำไปชดเชยการขาดดุลงบประมาณ
ขณะเดียวกัน รัฐบาลมีการเบิกจ่ายงบประมาณไปแล้ว 2,114,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 543,144 ล้านบาท หรือ 34.6% เนื่องจากปีนี้มีการเร่งรัดเบิกจ่ายหลังจากปีงบประมาณ 2567 เคยล่าช้าในการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณ
นางสาวศศิกานต์ ย้ำว่า แม้รายได้จากบางแหล่งจะต่ำกว่าคาด แต่ภาพรวมรายได้ของรัฐยังอยู่ในระดับที่มั่นคง รัฐบาลจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นในการบริหารการเงินการคลังอย่างโปร่งใส มีวินัย และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนและรักษาเสถียรภาพเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว