นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เสนอให้แก้ไขระเบียบ โดยเพิ่มอัตราการให้ความช่วยเหลือกรณีสัตว์ตายด้วย โรคลัมปีสกิน เพื่อช่วยเหลือ เกษตรกร ที่ได้รับความเดือดร้อน ซึ่ง ปัจจุบัน (25 พฤศจิกายน 2564) ได้จ่ายเงินให้ความช่วยเหลือแก่ เกษตรกร แล้ว 8 จังหวัด รวมเกษตรกร 297 ราย โค-กระบือ 390 ตัว วงเงิน 8,520,000 บาท
จากที่ กรมปศุสัตว์ ได้รับเอกสารจากจังหวัดแล้วทั้งสิ้น 28 จังหวัด รวมเกษตรกร 20,271 ราย โค-กระบือ 23,707 ตัว วงเงิน 503,972,200 บาท โดยจะเร่งตรวจสอบเอกสารตามขั้นตอน พร้อมทั้งทยอยจ่ายเงินให้เกษตรกรในแต่ละจังหวัด ภายในช่วยเทศกาลปีใหม่นี้ สำหรับจังหวัดอื่นๆ อีก 35 จังหวัด รวมโค-กระบือ 34,936 ตัว อยู่ระหว่างนำเข้าประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติอำเภอ (ก.ช.ภ.อ.) และประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) และรวมรวมเอกสารส่งกรมปศุสัตว์ต่อไป
อธิบดีกรมปศุสัตว์ ได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เร่งดำเนินการให้ความช่วยเหลือ เกษตรกร ผู้เลี้ยงโค-กระบือ ที่ได้รับความเสียหายจากการแพร่ระบาดของ โรคลัมปีสกิน อย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านการให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพสัตว์ การกำจัดแมลงพาหะ เพื่อเป็นการป้องกันโรค และการให้ความช่วยเหลือเยี่ยวยาให้เป็นไปตามระเบียบกระทรวงการคลัง ระเบียบกระทรวงคลัง ว่าด้วยเงินทดลองราชการเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ.2562 และหลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือ ด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ประกาศใช้หลักเกณฑ์วิธีปฏิบัติปลีกย่อยเกี่ยวกับการให้ความช่วยเหลือด้านการเกษตรผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน พ.ศ. 2564 แล้ว เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2564 และมีผลบังคับใช้สำหรับโรคระบาดชนิด โรคลัมปีสกิน ในโค-กระบือ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2564 เป็นต้นไป
ทั้งนี้เกณฑ์การช่วยเหลือใหม่แบ่งตามช่วงอายุ มีดังนี้ โคอายุน้อยกว่า 6 เดือน ได้รับ 13,000 บาท กระบืออายุน้อยกว่า 6 เดือน ได้รับ 15,000 บาท โคอายุตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี ได้รับ 22,000 บาท กระบืออายุตั้งแต่ 6 เดือน – 1 ปี ได้รับ 24,000 บาท โคอายุมากกว่า 1 – 2 ปี ได้รับ 29,000 บาท กระบืออายุมากกว่า 1 – 2 ปี ได้รับ 32,000 บาท โคอายุมากกว่า 2 ปี ได้รับ 35,000 บาท และกระบืออายุมากกว่า 2 ปี ได้รับ 39,000 บาท
อย่างไรก็ตาม ขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยงโค-กระบือมั่นใจไว้ว่า ได้รับค่าชดเชยอย่างแน่นอน โดยขอให้เกษตรกรผู้เลี้ยง ปศุสัตว์ ทำขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้เลี้ยงสัตว์ ที่สำนักงานปศุสัตว์อำเภอ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดทุกแห่ง เพื่อให้สามารถรับการชดเชย กรณีสัตว์เสียหายจากภัยพิบัติ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ จะได้มีข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน เพื่อให้การส่งเสริม สนับสนุน และดูแลเกี่ยวกับการควบคุม ป้องกันโรคได้อย่างทั่วถึงต่อไป…