ในยุคโควิด19 ที่ผ่านจันลั่นทุ่งเชื่อว่าหลาย ๆ ท่านเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน เรื่องธุรกิจ ซึ่งในวันนี้ จันลั่นทุ่งก็มีตัวอย่างของการปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัยที่ทุกอย่างราคาแพงมาฝากกันจ้า จันลั่นทุ่งได้มีโอกาสได้คุยกับพี่ ครสวรรค์ ประกิ่ง หรือพี่อั๋น เจ้าของเพจ ฟาร์มสุข ปลูกผักดาดฟ้า By จงแข็งแรง พี่อั๋นเล่าให้ทีมงานจันลั่นทุ่งว่า ปกติแล้วผมทำงานด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิก จนมาถึงช่วงโควิคจึงทำให้งานทุกอย่างเลื่อนหมด แล้วทำให้คิดว่าเราจะทำอะไรดีช่วงนั้นดูข่าวเกี่ยวกับเศรษฐกิจพอเพียง มีคำว่า ความยั้งยืนนั้นคืออะไร คือการทำเกษตรและช่วงนั้นพืชผักในตลาดแพงมาก ผมจึงหันมาปรึกษากับทางบริษัทที่ทำงานอยู่เขาก็อนุญาตให้ทำดูเลยเริ่มทดลองปลูก ย้อนมาเรื่องปัญหาจากงานไม่มี งานโดนเลื่อน เรียกได้ตกงานเลยก็ว่าได้ ปัญหาช่วงโควิด ทำให้งานที่เราทำเกี่ยวกับการถ่ายภาพรับปริญญาเป็น
ทำให้งานที่เราทำเกี่ยวกับการถ่ายภาพรับปริญญาเป็นหลักได้ถูกยกเลิกและเลื่อนหมดและทำให้รายได้ไม่มี ทำให้เราต้องเลือกหาทางอื่นเพราะเรายังมีภาระที่ต้องจ่าย เราก็เริ่มรู้ศึกว่าเราจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้แล้ว ต้องเปลี่ยนแปลงอะไรบ้างแล้ว อยู่เฉย ๆ ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา เลยมานั่งคิดแล้วนึกขึ้นได้เราอยู่ใจกลางเมืองจะทำเกษตรอย่างไรได้ พื้นที่ก็ไม่มี ก็เลยว่านึกได้ว่าบนดาดฟ้าของร้านนั้นมีพื้นที่ที่พอจะทำเกษตรได้ เลยเริ่มทดลองปลูกผักเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนพอปลูกไปเรื่อย ๆ ก็เจอปัญหาต่าง ๆ ตั้งแต่เริ่ม ทั้งขนดิน ทั้งน้ำซึม ทั้งแห้งแล้งร้อนไม่มีพืชสีเขียวเลย ความท้อ ความเหนื่อย แต่ด้วยอยากพิสูจน์ตัวเองว่าจะทำได้ไหม เลยยังไม่หยุดที่จะทดลองทำการแก้ไขช่วงแรกเลยคือการ ทาสีกันซึม ทำลอกขนดินขึ้นตึก 5 ชั้นและจัดทีมงานเพื่อช่วยกัน ปัจจุบันการปลูกผักบนดาดฟ้า ผลการตอบรับดีทำให้คนเมืองสนใจอยากหันมาปลูกผักด้วยตัวเองและผมก็ได้แบ่งปันความรู้ให้กับทุกคนที่มาชมสวนและลงทางเพจ ฟาร์มสุขปลูกผักดาดฟ้ารัชดาท่าพระ จนทำให้มีคนสนใจเป็นอย่างมาก มีคนแวะเวียนมาดูตัวอย่างที่สวนอย่างต่อเนื่อง
ข้อควรระวังสำหรับการปลูกผักบนดาดฟ้า
ข้อครวระวังคงจะเป็นเรื่องน้ำซึมและต้องตรวจสอบเรื่องโครงสร้างของแต่ละตึกให้ดีว่ารับน้ำหนักได้มากน้อยแค่ไหนก่อนที่จะลงมือทำเพราะ การปลูกพืชต้องใช้ดินและยิ่งปลูกเยอะๆ อาจจะต้องคำนวนเรื่องของน้ำหนักและโครงสร้างด้วย
การลงทุนโครงสร้างอุปกรณ์ ต้นทุน ราคา
การลงทุกหลัก ๆ ก็จะเป็นแปลงผัก ซึ่งทางเราได้ซื้อเหล็กมาและตัดทำกันเองเหล็ก 1 เส้นอยู่ประมาณเส้นละ 200 บาทอยู่ที่ขนาดและความหนาของเหล็ก 1 แปลงจะใช้ประมาณ 4 เส้น
ต่อมาจะเป็นดิน 1 แปลงขนาด 1×3 เมตรจะใช้ดิน 14 ถุงละ 20 กิโล รองพื้นด้วยกระเบื้อง 7 แผ่นและตาข่ายปูกันดินออก รวมแล้ว 1 แปลงต้นทุนจะอยู่ที่ประมาณ 3,000-4,000 บาท ติดสแลน 1 ชั้นเพราะด้วยความที่อยู่สูง แดดแรง ลมแรง อาจจะทำให้ผักเรานั้นใบไม่สวย
ยอดขายปัจจุบันทางสวนได้ขยายแปลงมาเป็น 24 แปลง แยกเป็นผักสวนครัวและผักสลัดตามออเดอร์สลัดจะตกแปลงละ10 กิโลกรัม จำหน่ายกิโลกรัมละ 150 บาท ด้วยที่ทางสวนเราปลูกผักไม่ใช้สารเคมีจึงทำให้คนสนใจเยอะและกำลังขยายพื้นที่ปลูกเพิ่มเพื่อให้ทันตามออเดอร์ลูกค้าอีกด้วย ผมมีความสุขที่ได้อยู่กับพืชผักที่ตัวเองได้ปลูกและเข้าใจการเจริญเติมโตของผักแต่ละชนิดว่าเขาขาดอะไรและต้องการอะไร และได้แบ่งปันความรู้ที่ตัวเองมีได้ถ่ายทอดสู้คนเมืองและคนหลายกลุ่มที่สนใจอยากทำเกษตรแบบยั้งยืน ปลูกให้ได้ก่อนอย่าพึ่งคิดถึงเรื่องกำไรเพราะมันจะทำให้ตัวเรานั้นหมดกำลังใจ ปลูกให้ได้ ปลูกได้แล้วอย่าพึ่งขายให้เก็บมากินก่อนว่าผักเรานั้นรสชาติใช้ได้ไหม พอปลูกเหลือแล้วให้หาตลาดสร้างการขายทั้งเปิดเพจหรือเปิดขายหน้าสวนโดยไม่ต้องผ่านนายหน้า สุดท้ายเหลือจากขายแล้วเราก็นำมาแบ่งปันในที่ชุมชนและเพื่อนร่วมงาน จะทำให้ตัวเราได้ทั้งรายได้และความสุขอีกด้วยครับ
