เจ้าของควายขอบคุณคนไทยทั้งประเทศ ขอหยุดรับบริจาคเงินช่วยเหลือ

ความคืบหน้า ควายรอดตายจากเหตุการณ์ไฟไหม้ยกคอก 15 ตัว ตาย 3 ตัว ในกองเพลิงเผาทั้งเป็น เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา ล่าสุดอีจัน…ลั่นทุ่ง ลงพื้นที่บ้านน้ำอ้อม หมู่ที่ 5 ตำบลทุ่งกุลา อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์ เพื่อตามอาการควายที่รอดชีวิตจำนวน 12 ตัว พบว่ายังมีหนึ่งตัวยังน่าเป็นห่วงลุกขึ้นยืนเองไม่ได้ เจ้าของต้องดูแลอย่างใกล้ชิต คือเจ้า “สายไหม” ควายเพศผู้อายุ 2 ปี ยังมีบาดแผลอักเสบทั่วทั้งหลัง

ส่วนควายอีก 11 ตัว มีอาการดีขึ้นตามลำดับเพราะได้รับการช่วยเหลือจากประชาชนจำนวนมาก อีจัน…ลั่นทุ่ง พบว่าสามารถหาอาหารกินตามธรรมชาติได้แล้ว ตอนนี้ควายที่รอดตายเหมือนได้ชีวิตใหม่หลังถูกเผาทั้งเป็น หลายตัวเริ่มที่จะใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้ว

นางสาวลำใย พรมศรี อายุ 41 ปี เจ้าของควาย เปิดเผยว่าตอนนี้มียอดเงินบริจาคสูงกว่า 6 ล้านบาท และไม่คิดว่าจะมีผู้บริจาคเงินช่วยเหลือมากขนาดนี้พอนำสมุดบัญชีไปปรับยอดที่ธนาคาร จึงทราบว่ามีเงินจำนวนมากเข้ามาที่บัญชีของพ่อคือนายสมพร อินทร์อิ่ม ตอนนี้จึงประกาศขอหยุดรับบริจาคเงิน เพราะกลัวว่าจะถูกสังคมมองว่าหากินกับควาย พร้อมทั้งพบว่าตอนนี้มีกลุ่มมิจฉาชีพนำรูปภาพควายของตัวเองไปเปิดเพจขอระดมเงินบริจาคโดยใส่หมายเลขที่บัญชีอื่นแทน ซึ่งเป็นห่วงประชาชนจะเข้าใจผิดตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ ล่าสุดได้แจ้งความไว้ที่ สภ.ท่าตูม เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ

นางสาวลำใย ขอบคุณประชาชนทุกคนที่ช่วยเหลือควายของตนเอง ทำให้มีชีวิตรอดถึงทุกวันนี้ ยืนยันว่าจะไม่ขายควายให้โรงฆ่าสัตว์เด็ดขาดเพราะควายถูกช่วยชีวิตจากประชาชน ทำให้มีชีวิตรอดจนถึงตอนนี้ ยืนยันว่าตอนนี้ขอหยุดรับบริจาคเงินเพื่อช่วยเหลือแล้ว และจะขอใช้เงินจำนวนนี้รักษาควายทุกตัวให้หายดี พร้อมทั้งจะจัดทำโครงการธนาคารควาย เพื่อให้ชาวบ้านที่ไม่มีควายนำไปเลี้ยงเพื่อใช้ประโยชน์ทางการเกษตร คาดว่าจะสามารถเริ่มต้นได้หลังจากที่ควายทั้งหมดหายดี

ด้าน นายสมพร อินทร์อิ่ม ของพ่อนางสาวลำใย เล่าว่ามีโรงฆ่าสัตว์จำนวนหลายรายมาขอซื้อควายที่บาดเจ็บแต่ไม่ขายให้ เพราะไม่อยากซ้ำเติมควายที่รอดชีวิตมาแล้วอีก ยืนยันว่าจะเลี้ยงควายทั้ง 12 ตัว จนสิ้นอายุขัยของมัน ซึ่งตนเองจริงๆแล้วเลี้ยงควายไว้ใช้ประโยชน์จากมูลสัตว์เนื่องจากทำนาเกษตรอินทรีย์ โดยใช้ปุ๋ยจากมูลสัตว์อยู่แล้วไม่ได้หวังเลี้ยงเพื่อส่งโรงฆ่าสัตว์อยู่แล้ว

ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังจำติดตาถึงทุกวันนี้ เพราะในวันเกิดเหตุไม่สามารถช่วยเหลือพวกมันได้เลยเนื่องจากไฟโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง ชาวบ้านนับร้อยวันนั้นไม่สามารถช่วยเหลือได้เช่นกัน สร้างความสลดใจสุดเวทนาให้กับทุกคนที่พบเห็น และอยากขอบคุณสังคมประชาชนที่ร่วมกันบริจาคเงินช่วยเหลือมาเป็นจำนวนมาก ตนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะมีคนช่วยเหลือขนาดนี้เหมือนกัน