จากแปลงผักเล็กๆ ที่ปลูกกินเองกับแม่ กลายมาเป็นธุรกิจโรงเพาะกล้า

โรงเรือนเล็กๆที่มีความสุข เพาะปลูกต้นกล้าผักปลอดสาร ส่งขายสร้างรายได้ขั้นต่ำ 300 บาทต่อวัน

การใช้เวลาว่างร่วมทำกิจกรรมกับแม่ย่อมมีคุณค่าเสมอ เพราะ ไม่คิดว่าแค่อยากปลูกผักปลอดสารพิษกินเองกับแม่ เพื่อใช้เวลาว่างที่มีให้เกิดประโยชน์ แต่ตอนนี้ใครจะคิดว่าได้กลายเป็นอาชีพที่สร้างรายได้เข้าครอบครัวไปแล้ว ซึ่งมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 300 บาทต่อวัน

วันนี้จันลั่นทุ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณทิพากร มิคาลโก เจ้าของโรงเพาะกล้าจิรเดช ที่เดิมทีเคยทำอาชีพเป็นพนักงานราชการที่กรุงเทพ ก่อนจะลาออกมาทำอาชีพเป็นผู้ช่วยนักวิจัย ในจังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งได้เล่าเพิ่มเติมว่า ก่อนที่จะมาเป็นผู้ช่วยนักวิจัยนั้น ก็เคยปลูกดอกไม้ประดับ อย่างต้นกระบองเพชรขายมาก่อน ซึ่งขายตามตลาดออนไลน์ แต่พอถึงจุดที่ตลาดอิ่มตัว ก็หันมาเป็นผู้ช่วยนักวิจัย เป็นอาชีพหลักดีกว่า แต่พอได้กลับมาอยู่บ้านกับแม่ ก็อยากหากิจกรรมอะไรทำร่วมกับแม่ จึงเริ่มมาปลูกผักปลอดสารพิษกินเองกับแม่ ซึ่งพอได้ทำไปทำมา ก็ขยายสวนผักไปเรื่อยๆ จนเกิดความคิดที่ว่า ก็ทำโรงเพาะต้นกล้าส่งขายบ้างด้วยดีกว่า จนมาเป็นอาชีพเสริมในทุกวันนี้

โดยตอนนี้โรงเพาะกล้าของคุณทิพากรนั้น จะมีการปลูกต้นกล้าผักสวนครัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผักสายพันธุ์ไทย และ ผักสายพันธุ์ต่างประเทศ อย่างแปลงต้นหอม และ แปลงผักชี แต่ที่ปลูกหลักๆ ก็คือ การปลูกต้นกล้ามะเขือเทศ ซึ่งทางเราได้พูดคุยทำให้รู้ว่า การทำโรงเพาะต้นกล้าของคุณทิพากรนั้น ได้สร้างความสุขเป็นอย่างมาก เพราะการทำเกษตรในครั้งนี้ได้ช่วยผ่อนคลายจากการทำงานหลัก และได้ใช้เวลาว่างร่วมกันกับแม่ แถมยังก่อให้เกิดรายได้ในอีกทาง

เทคนิคของการทำโรงเพาะกล้านั้น ไม่ได้ยากกว่าที่คิด ซึ่งคุณทิพากร ได้บอกว่า ปัจจัยหลักที่ควรใส่ใจ ก็คือ การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ ที่ควรเลือกจากคนขายที่เรารู้จัก หรือ ซื้อจากบริษัทขายเมล็ดที่มีคุณภาพ ส่วนเรื่องของการเพาะปลูกนั้น ทางโรงเพาะกล้าก็จะใช้พีทมอสผสมกับขุยมะพร้าวละเอียด อัตราส่วนที่ 1:1 และ ต้องควบคุมความชื้นให้ดี จึงต้องรดน้ำให้ความชื้นสม่ำเสมอเพื่อจะช่วยให้เกิดการงอกเพิ่มขึ้นและเจริญเติบโตอย่างสม่ำเสมอ

ส่วนเรื่องจะขายได้หรือไม่นั้น ก็ต้องควรหาตลาดให้ได้ก่อน อย่างตลาดทางออนไลน์ ก็ต้องเริ่มสร้างตัวตนให้คนเขารู้จักอย่างการส่งข้อมูลในการปลูกผัก แชร์ไปตามกลุ่มต่างๆ เมื่อเขาเริ่มรู้จักเรา เราจึงค่อยทำการวางขายที่ตลาดออนไลน์ได้เลย ส่วนตลาดตามชุมชน ก็เน้นออกไปตลาดอยู่เรื่อยๆ อย่างอาทิตย์ละ 1 -2 ครั้ง เพื่อดูว่าแต่ละตลาดขาดผักอะไร จะได้นำผักมาวางขาย ซึ่งบอกเลยว่าการหาตลาดอย่างนี้ ช่วยทำให้โรงเพาะกล้าของคุณทิพากร เกิดรายได้ต่อวัน อย่างขั้นต่ำที่ 300 บาทต่อวัน ซึ่งในอนาคตก็ได้มีการวางไว้ว่าจะทำให้ได้ถึง 1000 บาทต่อวันนั้นเอง