ตลาดงูเมืองไทยเปิดกว้าง ลวดลายยิ่งพิเศษราคายิ่งสูงเป็นอาชีพที่น่าสนใจ

อาชีพเลี้ยงงูรู้ไหมว่าทำเงินได้ปีละหลายแสนบาท จากการพัฒนาลวดลายให้พิเศษ

ใครจะไปเชื่อว่างูที่หลายคนอาจชื่นชอบ หรือหลายคนอาจหวาดกลัว จะได้กลายมาเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ให้คนคนหนึ่งเป็นอย่างมาก ซึ่งงูบางตัวนั้นสามารถขายได้ถึงราคาหลักแสน ทำให้เกิดความเห็นว่าอาชีพการเพาะพันธุ์งู ถือว่าเป็นอาชีพใหม่ที่ท้าทายของกลุ่มคนที่ชื่นชอบเลี้ยงงูเลยทีเดียว

วันนี้จันลั่นทุ่งได้มีโอกาสพูดคุยกับ คุณมิ้น ฐิติชญา เถาศิริพันธ์ เจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์งูเหลือม งูหลาม และ งูเห่าอย่างถูกกฎหมาย ในพื้นที่อำเภอวังม่วง จังหวัดสระบุรี ซึ่งปัจจุบันคุณมิ้นได้เลี้ยงงูหลายหลากสายพันธุ์ มาเป็นเวลาเกือบ 7 ปี โดยมีจุดเริ่มต้น คือ ตอนแรกตนเองมีความชื่นชอบงูอยู่แล้ว เลยตัดสินใจเริ่มซื้องูมาเลี้ยงเล่น เป็นสัตว์เลี้ยงส่วนตัว แต่พอเวลาผ่านไปจึงได้คิดว่า มาลองเพาะพันธุ์งูขายด้วยดีกว่า จึงได้กลายมาเป็นฟาร์มเพาะพันธ์ุงูอย่างในปัจจุบันนี้

ตอนนี้ฟาร์มของคุณมิ้นนั้น มีการเพาะเลี้ยงงูอย่างหลากหลายสายพันธุ์ อย่างงูเหลือม งูหลาม และ งูเห่า ที่ส่วนใหญ่จะเน้นขายที่มีลักษณะลวดลายสีสันสวยงามเป็นพิเศษ เนื่องจากงูที่มีลวดลาย ราคายิ่งสูงขึ้น ซึ่งตอนนี้มีเพาะเลี้ยงอยู่ประมาณ 60 – 70 ตัว แต่ถ้าช่วงที่ออกลูกก็มีโอกาสถึง 100 ตัวขึ้นไปเลยทีเดียว

งูที่เพาะเลี้ยงมาทั้งหมด ไม่ว่าจะงูเหลือม งูหลาม หรือ งูเห่าก็ตาม ย่อมมีงูที่ทำราคาได้สูงกว่างูตัวอื่นๆเสมอ อย่างฟาร์มของคุณมิ้น ก็ได้เล่าว่า ฟาร์มของเธอก็มีงูที่ทำราคาได้สูงมาก ที่สามารถทำราคาได้ถึงหลักแสนเลยทีเดียว คือ งูเหลือมม็อบคลาวด์ โดยมีลักษณะพิเศษที่ทำให้มีราคาสูงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ อย่างตอนเด็กจะมีลักษณะลำตัวขาวเหลืองนวล แต่เมื่อตอนโตจะขึ้นจุดลายกะตามลำตัว ทำให้มีรูปร่างที่สวยงาม และ ราคาสูงกว่างูสายพันธ์ุอื่นๆนั้นเอง

ขั้นตอนการเพาะเลี้ยงงูนั้น ไม่ได้ยากแต่ก็ไม่ได้ง่ายเสมอไป อย่างช่วงฤดูผสมพันธุ์ การจะจับเข้าคู่ผสมพันธุ์นั้น จะต้องมีการระมัดระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากพวกงูเหลือม งูหลาม ช่วงนั้นงูตัวผู้จะมีอารมณ์ที่ดุร้ายเป็นพิเศษ ดังนั้นขอแนะนำเลยว่า ถ้ามือใหม่ที่ต้องการเลี้ยงงู หรือ อยากทำธุรกิจนี้ต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อน ศึกษาพฤติกรรมลักษณะนิสัย และ ที่สำคัญต้องปรึกษาคนในครอบครัวด้วยว่าสามารถเลี้ยงได้ไหม ดีกว่าที่ต้องไปซื้อมาแล้วต้องเอาไปปล่อยทิ้ง

การทำธุรกิจเพาะเลี้ยงงู ต้องมีการยื่นขอจดใบขออนุญาตอยู่เสมอ อย่างการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงงูนี้ ไม่ว่างูเหลือมงูหลาม ต้องจดใบขออนุญาตขอเพาะเลี้ยงพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ พร้อมทั้งจดใบอนุญาตการจำหน่าย ทำให้คนที่ซื้องูไปเลี้ยง ก็จะไปใบอนุญาตและไมโครชิปติดไปด้วย

ตั้งแต่คุณมิ้นได้เริ่มมาเพาะเลี้ยงงูก็บอกได้ว่า มีความสุขมาก ไม่ต้องมีกฎระเบียบเหมือนทำงานที่บริษัท สามารถจะตื่นเวลาไหน หรือ ดูหนังฟังเพลงได้หมดไม่มีข้อห้ามอะไรมากมาย แถมยังได้อยู่กับสัตว์เลี้ยงที่ชอบ แต่ถ้าจะให้บอกว่าสามารถทำรายได้เลี้ยงทั้งครอบครัวหรือไม่นั้น ต้องมาดูที่ขนาดของฟาร์ม ถ้ามีพ่อพันธ์ุแม่พันธุ์เยอะ ก็จะสามารถทำเพาะงูขายได้เยอะ ซึ่งรายได้ก็อยู่ที่จำนวนงูนี้ละ ว่าแต่ละเดือนเราจะได้เท่าไหร่นั้นเอง