กาฬสินธุ์ ชาวนาโอด ปุ๋ยแพง ขายข้าวนาปรังขาดทุน หันใช้ปุ๋ยคอกทำนาปี

ชาวนาช้ำหนัก! ปุ๋ยแพงขายข้าวนาปรังก็ขาดทุน วอนรัฐบาลชุดใหม่ ควบคุมราคาปุ๋ยเคมี และค่าน้ำมัน หากจัดตั้งรัฐบาลช้า หวั่นกระทบปากท้องประชาชน

จากการติดตามบรรยากาศการเก็บเกี่ยวผลผลิต ข้าวนาปรัง ของ เกษตรกร ชาว จ. กาฬสินธุ์ พื้นที่ใช้น้ำโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาวหรือเขื่อนลำปาวในช่วงนี้ ที่เข้าสู่ปลายฤดูกาลเก็บเกี่ยว เนื่องจาก ชาวนา หลายรายชะลอการเก็บเกี่ยว เพื่อรอแหล่งรับซื้อ ปรับราคาขึ้น แต่กลับประสบปัญหาน้ำท่วมขัง จากผลกระทบของฝนที่ตกลงมา ทำให้มีน้ำเอ่อขังในแปลงนา รวงข้าวบางส่วนจมน้ำ และบางส่วนเมล็ดข้าวยังไม่แก่จัด

นางปี ศรีทา อายุ 57 ปี ชาวนาบ้านหนองทุ่ม ต.บึงวิชัย อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ บอกว่า การประกอบอาชีพ ทำนา ยังมีปัญหาด้านต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะ ราคาปุ๋ยเคมี รวมทั้งราคาจ้างรถไถและรถเกี่ยวข้าว ซึ่งเป็นผลสืบเนื่องมาจากราคาน้ำมันแพง ขณะที่ราคาขายเมล็ดข้าวเปลือกยังตกต่ำ ก.ก.ละ 6-8 บาทเท่านั้น หากหักค่าใช้จ่ายแล้ว แทบไม่เหลือเลย บางคนขาดทุนซ้ำซาก

สำหรับการทำนาปีและนาปรังที่ผ่านมา ตนเคยซื้อปุ๋ยเคมีมาบำรุงข้าว คือ ปุ๋ยยูเรียน้ำหนักกระสอบละ 50 ก.ก.ราคา 1,800 บาท ขณะที่ปุ๋ยบำรุงสูตรอื่นๆ น้ำหนักเท่ากัน ราคากระสอบละ 1,600-1,700 บาท เมื่อเห็นว่าราคาสูง จึงได้ลดปริมาณการใช้ ปุ๋ยเคมี โดยหันมาใช้ ปุ๋ยคอก แทน โดยแบ่งแปลงนาเพื่อทดสอบและเทียบเคียงผลผลิต ปรากฏว่าแปลงที่ใช้ปุ๋ยคอกได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น จากเดิมไร่ละ 400-500 ก.ก.เป็นไร่ละตันเศษ ขณะที่ใช้ปุ๋ยเคมีไร่ละไม่เกิน 500 ก.ก. และนับวันมีแนวโน้มผลผลิตลดลง เนื่องจากดินเสื่อมโทรมจากการใช้ ปุ๋ยเคมี

อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ ราคาปุ๋ยเคมี ตามท้องตลาดที่ยังมีราคาสูง และราคารับซื้อข้าวเปลือกยังตกต่ำอยู่ ในนามตัวแทนชาวนาคนหนึ่ง จึงอยากวิงวอนไปถึงรัฐบาลชุดใหม่ ได้ลงมาควบคุมราคาปุ๋ยเคมีให้ถูกลง รวมทั้งปรับราคารับซื้อข้าวเปลือกให้สูงขึ้น ซึ่งหาก ราคาปุ๋ยเคมี กลับมาอยู่ที่กระสอบละ 600 บาท และราคาขายข้าวเปลือก ราคา ก.ก.ละ 10 บาท ชาวนาก็คงพอที่จะมีกำไร และลืมตาอ้าปากได้แล้ว