เลี้ยงปลาในกระชัง สร้างรายได้ครึ่งแสนต่อเดือน

ตรัง ชาวบ้านหันมา เลี้ยงปลากระชัง หลากหลายชนิดเป็นอาชีพเสริมสร้างรายได้ต่อเดือน 40,000 -50,000 บาท

บริเวณแม่น้ำตรัง บ้านปากคลอง หมู่ 10 ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง ของนายจรวย สมทิพย์ อายุ 47 ปี ประกอบอาชีพธุรกิจก่อสร้าง ใช้เวลาว่าง เลี้ยงปลาในกระชัง เป็น อาชีพเสริม นานร่วม 4 ปี โดยใช้วิธีเลี้ยงปลาหลายชนิด ทั้ง ปลานิล ปลาแรด ปลาทับทิม ปลาสวาย และปลากด รวมทั้งหมด 22 กระชัง หรือประมาณ 20,000 กว่าตัว เพื่อให้มีปลาที่หลากหลายและเพียงพอในการหมุนเวียนจับขายให้กับลูกค้า มีรายได้ทุกวั

โดยปลาทุกชนิดที่ได้มีการเจริญเติบโตดี เนื้อหวานรสชาติอร่อย ไม่มีกลิ่นคาว เนื่องจากเลี้ยงบริเวณริมฝั่งแม่น้ำตรัง ซึ่งมีน้ำไหลผ่านตลอดเวลา รสชาติอร่อยเหมือนกับปลาที่จับได้ตามธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากการเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ หรือการเลี้ยงบ่อดิน หรือบ่อพลาสติก เช่น ปลาสวาย ปกติพบว่า จะมีการเลี้ยงในบ่อดินแต่เกษตรกรนำมาทดลองเลี้ยงในกระชังปรากฏว่า ได้ผลดี จึงเลี้ยงเรื่อยมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เกษตรกร จะใช้พื้นที่จำนวนมากกว่าถึง 8 กระชัง ในการเลี้ยงปลากดเหลือง เพราะในพื้นที่มีการเลี้ยงน้อย ตลอดแนวแม่น้ำตรังคาดว่ามีคนเลี้ยงไม่เกิน 3 รายเท่านั้น ทำให้ความต้องการสูง โดยการซื้อพันธุ์ปลากดเหลืองมาในราคาตัวละ 4 บาท

ทั้งนี้ ปลาชนิดอื่นๆใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 4 เดือนก็สามารถจับขายได้ หรือจะเลี้ยงให้ยาวนานกว่านี้ก็ได้ เพื่อจะได้ปลาที่ขนาดใหญ่ขึ้น แต่เฉพาะปลากดเหลือง เกษตรกรใช้เวลาในการเลี้ยงนานถึง 16 เดือน หรือ 1 ปีเศษ จึงจะได้ขนาดที่ตลาดต้องการ น้ำหนักตั้งแต่ครึ่งกิโลกรัมไปจนถึงน้ำหนัก 1 กิโลกรัมกว่าๆ โดยขณะนี้เฉพาะปลากดเหลืองที่พร้อมจำหน่ายทั้ง 8 กระชัง น้ำหนักตกกระชังละประมาณ 600 กิโลกรัม รวมทั้งหมดกว่า 3 ตัน โดยราคาขาย ปลากดเหลืองราคากก.ละ 220 บาท ,ปลาสวายกก.ละ 100 บาท, ปลานิลกก.ละ 110 บาท ,ปลาทับทิม กก.ละ 110 บาท และปลาแรด กก.ละ 150 บาท โดยปลาทั้งหมดขายที่กระชัง โดยมีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อถึงที่ รวมทั้งประชาชนทั่วไปที่ซื้อไปใช้ในงานเลี้ยงต่างๆ ทำให้สามารถมีรายได้หมุนเวียนทุกวันๆละไม่ต่ำกว่า 10 -20 กก. ประมาณวันละ 1,500 -2,000 บาท หรือตกเดือนละ 40,000 -50,000 บาท แต่หากเป็นช่วงวันหยุดยาว หรือเทศกาลต่างๆจะขายได้ดีมาก

ทั้งนี้ เนื่องจากปลาเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูง มีประโยชน์ต่อร่างกาย ปลอดสารเคมีทุกชนิด ราคาถูกและปลอดภัยกว่าหมู รวมทั้งไก่ ซึ่งมีราคาแพงทำให้คนที่รักสุขภาพหันรับประทานปลากันมากขึ้นขณะที่ลูกค้าประจำที่เดินทางมาซื้อยืนยันเนื้อปลาทั้งปลาสวาย และปลากดเหลือง รสชาติอร่อยเหมือนปลาทั่วไป ไม่มีกลิ่นคาว เหมือนปลาที่ได้จากธรรมชาติในแม่น้ำ จึงเป็นลูกค้าประจำมาซื้อไปช่วยงานเลี้ยง และซื้อฝากพรรคพวกเพื่อนฝูงเป็นประจำ

เจ้าของบอกว่า ตนเองทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง แต่ใช้เวลาว่างมาเลี้ยงปลาในกระชังเป็นอาชีพเสริมมานาน 4 ปี ทั้งปลานิล ปลาทับทิม ปลากดเหลือง ปลาแรด และปลากดเหลือง ปลาที่ได้รสชาติดีเหมือนปลาในธรรมชาติ เพราะเลี้ยงในแม่น้ำตรังมีน้ำไหลผ่านตลอด โดยปลาสวายปกติคนทั่วไป เลี้ยงในบ่อดิน แต่ตนไม่มีบ่อดิน จึงตนเองทดลองเลี้ยงในกระชัง ปรากฏว่าได้ผลดี โดยปลาสวายที่เลี้ยงในกระชังรสชาติปลาจะดีกว่า ไม่มีกลิ่น หากเลี้ยงในบ่อดินจะมีกลิ่นที่เหงือกปลา ทั้งกลิ่นโคลน ดินน้ำที่ไม่สะอาด และกลิ่นอาหารปลาเกาะ ติดแต่เลี้ยงในกระชังไม่มี และรสชาติอร่อยเช่นเดียวกับปลาในธรรมชาติ จึงเลี้ยงเรื่อยมา โดยใช้วิธีเลี้ยงปลาหลายชนิด เพื่อให้มีปลาที่หลากหลายสามารถจับขายมีรายได้ทุกวัน

ส่วนเหตุผลที่เลี้ยงปลากดเหลืองมากกว่า เพราะคนเลี้ยงไม่ค่อยมี ราคาดี และเป็นที่ต้องการสูงของตลาด มีเท่าไรก็ขายหมด ถือเป็นปลาเศรษฐกิจที่น่าสนใจตลาดต้องการสูงมาก โดยขนาดของปลาที่จับขายและเป็นขนาดที่นิยมประมาณครึ่งกิโลกรัมขึ้นไป ถ้าไม่ได้ถึงครึ่งกก.ไม่จับ โดยคนมาซื้อถึงที่ ลูกค้าทั้งหมดเป็นคนในพื้นที่ ไม่ได้จับไปขายที่อื่น จากปากต่อปาก โดยปลากดเหลือง เดิมตนเองขายกก.ละ 200 บาท แต่เนื่องจากอาหารมีการปรับราคาสูงขึ้นมาก จากเดิมกระสอบละ 362 บาท ปรับขึ้นเป็นกระสอบละ 537 บาท ทำให้ต้องปรับราคาขึ้นเป็นกก.ละ 220 บาท และขณะนี้ราคาอาหารก็ยังคงเป็นปัญหา เพราะราคาแพงมาก หากใครสนใจอยากซื้อปลาทุกชนิด รวมทั้งปลากดเหลือง สามารถติดต่อได้ที่ FB : จรวย สมทิพย์ หรือ เบอร์โทรศัพท์ 061-2572877