เฝ้าระวัง! หนอนแมลงวันชอนใบ และโรคเหี่ยวเขียว บุกทำลายสวนมะเขือเทศ

เตือนเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศ ให้เฝ้าระวัง หนอนชอนใบ และโรคใบเหี่ยวเขียว พร้อมบอกวิธีกำจัด

เตือนภัยเกษตรกร ในแปลงมะเขือเทศ เฝ้าระวังหนอนแมลงวันชอนใบ และโรคเหี่ยวเขียว แนะนำเกษตรกรหมั่นสำรวจแปลง หากพบการะบาดให้เผาเศษใบมะเขือเทศที่ถูกทำลายตัดวงจรแพร่ระบาด ขุดต้นที่เป็นโรคไปทำลายนอกแปลง พร้อมกับไม่ปลูกพืชอาศัยเชื้อสาเหตุโรคช่วยลดการแพร่ระบาดโรคเหี่ยวเขียว

โดยเกษตรกรผู้ปลูกมะเขือเทศ หมั่นสำรวจสวน และเฝ้าระวังการเข้าทำลายของศัตรูพืชที่มักพบระบาดในช่วงเวลานี้คือ หนอนแมลงวันชอนใบ ซึ่งพบการเข้าทำลายได้ในทุกระยะการเจริญเติบโตของมะเขือเทศ โดยตัวหนอนจะชอนไชอยู่ในใบทำให้เกิดรอยเส้นสีขาวคดเคี้ยวไปมา เมื่อนำใบมะเขือเทศมาส่องดู จะพบหนอนตัวเล็กสีเหลืองอ่อนโปร่งแสงใสอยู่ภายในเนื้อเยื่อใบ หากมีการระบาดรุนแรง จะทำให้ใบเสียหายร่วงหล่น ซึ่งจะมีผลต่อผลผลิตหากมะเขือเทศไม่สามารถสร้างใบทดแทนได้ก็จะตายไปในที่สุด

ซึ่งวิธีการป้องกัน-กำจัด หากพบการเข้าทำลายของหนอนแมลงวันชอนใบ ให้เผาทำลายเศษใบมะเขือเทศที่ถูกทำลายตามพื้นดิน จะช่วยลดการแพร่ระบาดได้เพราะเนื่องจากดักแด้ที่อยู่ตามเศษใบมะเขือเทศ จะถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน ใช้สารฆ่าแมลงที่มีประสิทธิภาพตามคำแนะนำ เช่น อีมาเมกตินเบนโซเอต 1.92% EC อัตรา10 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อิมิดาโคลพริด 70% WG อัตรา 10 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ โทลเฟนไพแรด 16% EC อัตรา 20 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ เบตา-ไซฟลูทริน 2.5% EC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร โดยพ่นสารฆ่าแมลงเมื่อพบการระบาดพ่น 2 ครั้งติดต่อกันทุก 5 วัน

นอกจากนี้ เกษตรกรยังต้องเฝ้าระวังการระบาดของ โรคเหี่ยวเขียว จากเชื้อแบคทีเรีย Ralstonia solanacearum โดยอาการเริ่มแรกใบล่างจะเหี่ยว และลู่ลง ใบแก่ที่อยู่ด้านล่างมีอาการเหลือง และใบที่เหี่ยวจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ระยะแรกจะแสดงอาการเหี่ยวเฉพาะเวลากลางวันที่อากาศร้อนจัด ต่อมาอาการเหี่ยวจะนานขึ้นจนกระทั่งเหี่ยวถาวรทั้งวัน อาการจะลามขึ้นไปยังส่วนยอด ขอบใบม้วนลงด้านล่าง เมื่อถอนต้นขึ้นมาพบว่า รากเกิดอาการเน่า และถ้าตัดลำต้นตามขวางแช่น้ำสะอาด ภายใน 5-10 นาที จะมีเมือกสีขาวขุ่นไหลออกมาตามรอยตัดเป็นสายละลายปนกับน้ำ หากอาการรุนแรงจะพบภายในลำต้นกลวงเนื่องจากเนื้อเยื่อถูกทำลายโดยเชื้อสาเหตุโรคและมะเขือเทศจะตายในที่สุด

แนวทางในการป้องกันกำจัด โรคเหี่ยวเขียว เกษตรกรควรเลือกพื้นที่ปลูกที่ไม่เคยมีการระบาดของโรคนี้มาก่อน และมีการระบายน้ำที่ดี ไถพรวนดินให้ลึกเกินกว่า 20 เซนติเมตรจากผิวดิน และตากดินไว้นานกว่า 2 สัปดาห์ จะช่วยลดปริมาณเชื้อสาเหตุโรคในดินลงได้มาก สำหรับพื้นที่ที่เคยมีการระบาดของโรค สามารถฆ่าเชื้อโรคในดินโดยใช้ยูเรียผสมปูนขาว อัตรา 80 : 800 กิโลกรัมต่อไร่ หว่านลงในแปลงหลังไถพรวนดินครั้งแรก จากนั้นไถกลบ และรดน้ำให้ดินมีความชื้น ทิ้งไว้ 3-4 สัปดาห์จึงเริ่มปลูกพืช พร้อมกับหมั่นตรวจแปลงปลูกอย่างสม่ำเสมอ