WHO เตือน โอมิครอน สายพันธุ์ลูกผสม XE แพร่เร็วกว่าทุกสายพันธุ์

WHO เตือน พบ โอมิครอน สายพันธุ์ลูกผสม XE แพร่เร็วกว่าทุกสายพันธุ์ เจอในไทยแล้ว 1 ราย

เมื่อวานนี้ เฟซบุ๊กเพจ Center for Medical Genomics โพสต์ข้อความว่า องค์การอนามัยโลก (WHO) เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2565 ได้ออกคำเตือนเกี่ยวกับโอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม “XE” ที่แพร่ติดต่อได้รวดเร็วกว่าไวรัสโคโรนา 2019 ทุกสายพันธุ์ที่เราเคยประสบกันมา

โดย “XE” เป็นสายพันธุ์ลูกผสมระหว่างโอมิครอนสายพันธุ์ย่อย “BA.1 & BA.2″ ไม่ใช่”เดลตาครอน” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง “เดลตา & โอมิครอน” WHO ยังไม่ตั้งชื่อ “XE” อย่างเป็นทางการจนกว่า “XE” จะแสดงอาการทางคลินิกที่รุนแรงแตกต่างไปจากสายพันธุ์ุอื่นอย่างมีนัยสำคัญ สำหรับสายพันธุ์ลูกผสม “เดลตาครอน” หรือ “XD” นั้น WHO ให้ข้อมูลว่าไม่พบการระบาดที่รวดเร็ว (transmissibility) และอาการที่รุนแรง (severity) อย่างที่เคยกังวล

ล่าสุดศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดีได้ตรวจพบสายพันธุ์ลูกผสม “XE” ด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมจากตัวอย่างสวอปผู้ติดเชื้อชาวไทย 1 ราย (วิเคราะห์กำหนดสายพันธฺุ์ด้วยโปรแกรมประยุกต์ “PANGOLIN” และ “NEXTCLADE” และซับมิทขึ้นไปแชร์บนฐานข้อมูลโควิดโลก “GISAID”) จากการติดตามสอบถามแพทย์ผู้รักษาทราบว่าเป็นผู้ติดเชื้อในกลุ่ม “สีเขียว” มีอาการเล็กน้อย ปัจจุบันหายจากอาการโควิดแล้ว มีการสุ่มตรวจ ATK คนรอบข้างไม่พบใครติดเชื้อ

ตัวอย่างอีกจำนวนหนึ่งที่ถูกส่งมาตรวจกรอง (screening) ค้นหาสายพันธุ์ของไวรัสโคโรนา 2019 อย่างรวดเร็วภายใน 24-48 ชั่วโมงเพื่อสนับสนุนการรักษาโควิด-19 แบบมุ่งเป้า (Precision medicine) ด้วยเทคโนโลยี “Massarray Genotyping” ซึ่งเป็นการตรวจรหัสพันธุกรรม 40 ตำแหน่งกลายพันธุ์สำคัญบนจีโนมของไวรัสโคโรนา 2019 โดยสามารถตรวจได้รวดเร็วและประหยัดกว่าการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม 3 หมื่นตำแหน่ง ได้พบสายพันธุ์ลูกผสม “เดลตาครอน (เดลตา & โอมิครอน)” อีก 1 ราย ซึ่งยังคงต้องยืนยันด้วยการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมแบบละเอียดอีกครั้งหนึ่ง

โอมิครอนสายพันธุ์ลูกผสม “XE” พบครั้งแรกในสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 โดยมีการถอดรหัสพันุกรรมทั้งจีโนมและอัปโหลดขึ้นไปแชร์ไว้บนฐานข้อมูลโควิด-19 โลกแล้วมากกว่า 600 ตัวอย่างWHO ประเมินว่าสายพันธุ์ลูกผสม “XE” มีอัตราการแพร่ระบาด (growth advantage) เหนือกว่า BA.2 ถึง 10% อย่างไรก็ตามยังต้องรอข้อมูลจากทั่วโลกที่ร่วมด้วยช่วยกันถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมอีกระยะหนึ่งเพื่อยืนยัน”

ตามรายงานของสำนักงานบริการสุขภาพแห่งสหราชอาณาจักร (UK Health Services Agency) หรือ “UKHSA” ยืนยันเช่นเดียวกันว่าสายพันธุ์ลูกผสม “XE” สามารถแพร่ระบาดได้รวดเร็วกว่า “BA.2” ประมาณ 10% และแพร่ได้รวดเร็วกว่าโอมิครอนสายพันธุ์ดั้งเดิม (B.1.1.529) ถึง 43%

อย่างไรก็ตามศาสตราจารย์ซูซาน ฮอปกิ้นส์ หัวหน้าที่ปรึกษาทางการแพทย์ของ UKHSA กล่าวว่าการเกิดสายพันธุ์ลูกผสมไม่ใช่เรื่องแปลกและมักจะสูญพันธุ์ไปเอง “อย่างรวดเร็ว” เนื่องจากไม่ฟิตกับสิ่งแวดล้อมเหมือนสายพันธุ์ทั่วไป และเนื่องจากจำนวนของ “XE” ที่ถูกถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนมยังไม่มาก การประเมินความรวดเร็วของการระบาดอาจจะคลาดเคลื่อนได้ ผู้เชี่ยวชาญจาก WHO และ UKHSA ประเมินว่าต้องอาศัยเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าสายพันธุ์ลูกผสม “XE” จะกลายเป็นคลื่นระลอกใหม่ที่ระบาดไปทั่วโลกและเข้ามาแทนที่ BA.2 หรือไม่

สายพันธุ์ลูกผสม ? แบ่งเป็นอะไรบ้าง ?

ประเภท 1 สายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง “Delta + BA.1” ประกอบด้วยสมาชิก 2 สายพันธุ์

สายพันธุ์ XD

เป็นสายพันธุ์ลูกผสม ระหว่าง Delta + BA.1 lineage พบในฝรั่งเศส ประกอบด้วยยีน S ที่สร้างหนามแหลม ส่วนอื่นเป็นจีโนมจากเดลตา

สายพันธุ์ XF

จีโนมมีส่วนผสมระหว่าง ยีน S และยีนที่สร้างโปรตีนสำคัญของอนุภาคไวรัส มาจาก BA.1 กับส่วน 5’ จากจีโนมของเดลตา

ประเภท 2 สายพันธุ์ลูกผสมระหว่าง BA.1 + BA.2 ประกอบด้วยสมาชิก 6 สายพันธุ์

สายพันธุ์ XE

พบในอังกฤษ จีโนมมีส่วนผสมระหว่าง ยีน S และยีนที่สร้างโปรตีนสำคัญของอนุภาคไวรัส มาจาก BA.2 กับส่วน 5’ จากจีโนมของ BA.1 แสดงอัตราการแพร่ระบาด (growth advantage) เหนือ BA.2 ศูนย์จีโนมทางการแพทย์ รพ. รามาธิบดีถอดรหัสพันธุกรรมพบแล้ว 1 ราย

สายพันธุ์ XG-พบในเดนมาร์ก

สายพันธุ์ XH-พบในเดนมาร์ก

สายพันธุ์ XJ-พบในฟินแลนด์

สายพันธุ์ XK

พบในเบลเยียม มีการกลายพันธุ์ต่างไปจากไวรัสดั้งเดิม “อู่ฮั่น” เกือบ 100 ตำแหน่ง มากกว่าทุกสายพันธุ์ ยังไม่พบในประเทศไทย

สายพันธุ์ XL-พบในอังกฤษ

คลิปอีจันแนะนำ
คิดถึงลูกมาก “ทำไมน้องอายุสั้นเหลือเกิน ทำไมทิ้งแม่ไป”