
คอลัมน์ : ตีลังกาเล่าข่าว โดย “กรรณะ”
“คู่เดือด” ทางการเมืองมีมาทุกยุคทุกสมัย โดยเฉพาะฝ่ายค้านกับรัฐบาล และหลายคนก็มากกว่าเรื่องสกัด แต่มาจากความแค้นที่ฝังลึก และรอบนี้ก็มาถึง “คู่เดือด” คู่ใหม่ทางการเมืองอย่าง “ไอซ์ รักชนก” และ “ไผ่ ลิกค์”

“ไอซ์ รักชนก ศรีนอก” เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่จากค่าย “ประชาชน” บทบาททางการเมืองชัดเจน รวมถึงคาแรกเตอร์ที่โดดเด่น กัดไม่ปล่อย วิธีการสื่อสารก็ใช้แบบตรงๆไม่อ้อมค้อม เดินหน้าชน
ก่อนจะมาเล่นการเมืองเธอเป็นแม่ค้าออนไลน์มาก่อน ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยปี 1
เธอเล่าว่า การทำงานในฐานะแม่ค้าออนไลน์ทำให้รู้จักการวิเคราะห์ตลาด และการใช้สื่อและแพลตฟอร์มต่างๆ และในการเลือกตั้งปี 2566 เธอลงพื้นที่อย่างหนักจนเอาชนะเจ้าของพื้นที่เดิมอย่าง “วัน อยู่บำรุง” ได้
เมื่อเข้ามาเป็น สส. บทบาทของเธอก็เด่นชัด ทั้งเรื่องการตรวจสอบการบริหารและการใช้เงินของกองทุนประกันสังคม จนใครต่อใครต่างปรบมือให้
และที่เป็นประเด็นอย่างเรื่องการขอให้ถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการ พิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569
แต่ปรากฏว่ากรรมาธิการเสียงข้างมากไม่อนุญาต ทำให้เธอเปิดปฏิบัติการไลฟ์การประชุมด้วยตัวเองเสียเลย และประกาศจะรับผิดชอบผลที่ตามมาด้วยตัวเองเช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้กลายเป็นต้นเหตุและที่มาของวิวาทะ

ด้าน “ไผ่ ลิกค์” เป็นรุ่นสองของ “บ้านใหญ่กำแพงเพชร” เป็นทายาทของ “เรืองวิทย์ ลิกค์” อดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง
ก่อนหน้ามาเล่นการเมืองอย่างจริงจังในวงสังคมรู้จักเขาในนาม “ไผ่ วันพอยท์” เพราะเป็นนักแข่งรถในนามทีม “วันพอยท์” ทุกคนรู้จักในฐานะพี่ใหญ่ใจกว้างของวงการ และเคยมีข่าวกับดาราสาวและออกมาปกป้องแม้ยามเลิกรากัน
“ไผ่ ลิกค์” เป็น สส. ตั้งแต่ปี 2554 แต่มักจะโลว์โปรไฟล์และอยู่ใต้เงาของพ่อ จนเพิ่งมาเฉิดฉายในสมัยนี้ ในฐานะแกนนำพรรคกล้าธรรม และตอนนี้ก็มีภาพลักษณ์ที่แนบแน่นกับรัฐบาลเพื่อไทย
ย้อนกลับไปที่เรื่องถ่ายทอดสดการประชุมกรรมาธิการงบญ หลัง “ไอซ์” เสนอให้ประชุมถ่ายทอดสด แต่ “ไผ่” กลับบอกว่า “การถ่ายทอดสดไม่มีประโยชน์อะไร” และบอกว่านี่เป็นการกระทบประสิทธิภาพการทำงานหรือความลับของกรรมาธิการ

ทำให้ตอนนั้น “ไอซ์” สวนกลับว่า “ไปถามประชาชนดูว่าพวกเขาเห็นด้วยกับการไลฟ์หรือไม่?” .
เราก็นึกว่าเรื่องจบไป เป็นวิวาทะเล็กๆ แต่ดูเหมือนเรื่องนี้จะกลายเป็นหนังยาว สืบเนื่องจากสถานการณ์ของรัฐบาลตอนนี้ไม่สู้ดีนอกจากเสียงจะปริ่มน้ำแล้ว “นายกฯอุ๊งอิ๊ง” ก็ยังถูกสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว และมีความเป็นไปได้ไม่น้อยว่าอาจถูกถอดถอนในที่สุด ซึ่งหากถูกถอนถอน และไม่ต้องการให้ประเทศอยู่ในสภาวะสูญญากาศก็ต้องเลือกนายกรัฐมนตรีใหม่ให้ได้
แม้ใครต่อใครมองว่าโอกาสที่ “เพื่อไทย – ภูมิใจไทย –ประชาชน” สองในสามจะจับมือกันตั้งรัฐบาลเป็นเรื่องงยากแต่พรรคประชาชนก็เปิดเงื่อนไขว่าพร้อมจับมือกับพรรคการเมืองไหนก็ได้เพื่อสนับสนุนให้เป็นรัฐบาล แต่ต้องเป็นเฉพาะกิจกล่าวคือเข้ามาเพื่อทำประชามติตั้ง สสร. และ ยุบสภา
จากนั้นก็มีข่าวว่า พรรคประชาชน ไปเจรจากับพรรคภูมิใจไทยเพื่อจะสนับสนุนให้ “คุณอนุทิน ชาญวีรกูล” เพื่อเป็นนายกรัฐมนตรี สร้างความไม่พอใจให้พรรคเพื่อไทย เพราะพวกเขามองว่าตอนนี้เป็นรัฐบาลอยู่ แม้จะเสียงปริ่มน้ำ นี่คือการวางแผนล้มรัฐบาลชัดๆ
และมองว่าต่อให้ “นายกฯแพทองธาร” ถูกถอดถอนพวกเขาก็มีสิทธิจับมือกับพรรคร่วมเดิมเพื่อตั้งรัฐบาลต่อไป
ทำให้ข่าวเรื่อง “พรรคประชาชน” เตรียมจับมือกับ “พรรคภูมิใจไทย” ถูกเรียกว่าเป็น “ดีลลับ”
ต่อมาก็มีการเปิดเผยจาก “ทอม เครือโสภณ” ล็อบบี้ยิสต์ชื่อดัง ได้ออกมาพูดในทำนองว่า “ไอซ์ รักชนก” และ “รังสิมันต์ โรม” 2 สส. พรรคประชาชนได้นัดพบและกิจข้าวกับ “อนุทิน ชาญวีรกูล” ทำให้หลายคนมองไปว่า “ดีลลับ” มีจริง
ซึ่งทั้งสองออกมาปฏิเสธว่า ที่เจอกันเป็นเพียงการขอนัดหารือเรื่อง “คอลเซ็นเตอร์” และ “กองทุนประกันสังคม” ที่อยู่ในอำนาจของกระทรวงมหาดไทย และมี “อนุทิน” ดูแลอยู่ ต่อมาแม้ว่า “อนุทิน” จะพ้นจากตำแหน่งแต่ก็มีการพบปะเพื่อขอข้อมูลอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ต่อมา “ทอม เครือโสภณ” ก็ออกมาขอโทษทั้งสองเช่นกัน
และเรื่องยกสองก็เริ่มต้นที่ตรงนี้ เมื่ออยู่ๆ “ไผ่” ก็โพสต์ว่า “ทำไมไอซ์ไม่ไลฟ์สดตอนคุยกับอนุทิน” แบบไม่ต้องถามก็รู้ว่าแซะยาวไปถึงเรื่องไหน
แน่นอนว่าแรงๆอย่าง “ไอซ์” ไม่มีทางยอม สวนกลับแบบแรงๆ ว่า “ถามจริงๆ คุณไผ่ลิกค์ใช้มันสมองที่พอมีอยู่คิดไม่ออกจริงๆหรือคะ ว่าความแตกต่างระหว่างมื้ออาหารที่ใช้เงินส่วนตัวจ่ายกับการประชุมกรรมธิการที่พิจารณางบประมาณที่มาจากภาษีประชาชน ที่ใช้ค่าเบี้ยประชุมและค่าอาหารจากเงินภาษี มันต่างกันยังไง ค่อนข้างแปลกใจที่คนเป็น ส.ส. มาหลายสมัย แยกแยะเรื่องแค่นี้ไม่ออก แต่คิดอีกทีเอาจริงๆก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่”
งานนี้ “ไผ่” ก็ไม่ยอม เข้าไปตอบต่อว่า “ถ้าคุณไปคุยกันเรื่องอื่นคงไม่เป็นไร แต่ที่ไปคุณคุยเรื่องการปิดด่าน และเป็นการติดต่อตั้งแต่ยังเป็นรัฐบาลนี่ครับ แต่ถ้าคุณเป็น ส.ส. มันก็อยู่ติดตัวคุณตลอดไม่ว่าตอนไหนนะครับ สมองผมอะพอมีรึเปล่าผมก็ไม่รู้ แต่ผมไม่เอาความคิดของผมต้องถูกอยู่คนเดียว เอาเป็นว่าสันดานผมดีละกันครับ”
แถมโพสต์ต่อด้วยว่า “การที่คุณมาด่าคนอื่นไม่มีสมอง โดนบ้างอย่าดิ้นไปทางอื่นสิครับ ในเมื่อจะพูดว่าโปร่งใสก็ควรทุกเรื่องมั้ย”
นาทีนี้ ทะลักจุดเดือดทั้งคู่ ซึ่งหลังจากคอมเมนต์นี้ “ไอซ์” ก็หายไปจากโพสต์
กลิ่นความขัดแย้งแรงขนาดนี้ นักข่าวจะไม่ไปถามก็ดูจะเกินไป และการหาตัวทั้งคู่ไม่ใช่เรื่องยากเพราะมีการประชุมกรรมาธิการงบประมาณที่ทั้งคู่ร่วมอยู่
“ไผ่” บอกว่า ที่โพสต์ไปอย่างนั้นเพราะได้ยินมาหลายเรื่องว่าไปจัดตั้งรัฐบาลหรือแลกเปลี่ยนอะไรหรือไม่ ส่วนที่มีการคอมเมนท์โต้ตอบรุนแรงนั้น ยืนยันว่า เมื่อแรงมาก็แรงไป ง มาแบบไหนก็ไปแบบนั้น
ส่วน “ไอซ์” เหมือนจะไม่อยากตอบ โดยอ้างว้าเป็นเรื่องไร้สาระแต่เมื่อถูกนักข่าวถามจี้และเซ้าซี้ก็อดไม่ได้ โดยเฉพาะกับคำถามที่ว่า เมื่อเป็นกรรมาธิการงบประมาณด้วยกัน แล้วแบบนี้จะทำงานร่วมกันได้อีกหรือไม่
โดยบอกว่า “จริงๆ คุณไผ่ก็ไม่ค่อยมาทำงานอยู่แล้ว มาเซ็นชื่อแล้วก็หายไป”
ทำให้นาทีนี้ทั้งคู่กลายเป็น คู่ขัดแย้งใหม่ ส่วนใครจะนิยามว่า “คู่เดือด” “คู่กัด” ก็แล้วแต่ ซึ่งเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกของการเมือง และก็จะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายเช่นกัน