นายอุทัย หนูวุ่น เกษตรอำเภอครบุรี นำเจ้าหน้าที่ออกสำรวจความเสียหายจากการเกิด โรคโคนเน่า รากเน่า ใน มันสำปะหลัง ในพื้นที่อำเภอครบุรี จ. นครราชสีมา หลังจากที่มีรายงานพบโรคโคนเน่ารากเน่าระบาดเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในห้วงระยะเวลากว่า 1 เดือนที่ผ่านมา เกิดฝนตกหนักติดต่อกันทำให้ดินชุ่มน้ำ และหลายพื้นที่ น้ำท่วม ขังหนัก ส่งผลทำให้ ไร่มันสำปะหลัง ของเกษตรกรแช่น้ำนานเกินไป จนเกิดทำให้หัวมันสำปะหลังที่กำลังใกล้เก็บเกี่ยวผลผลิตเน่าเสียหาย
อย่างเช่น ไร่มันสำปะหลัง ของ นางพิเชษฐ์ รักษาราษฎร์ อายุ 49 ปี เกษตรกรบ้านบุมะค่า ต.มาบตะโกเอน ก็ถูกน้ำท่วมขังนานนับเดือน มันสำปะหลัง เสียหายเกือบทั้งหมด แม้จะลงพายเรือเข้าไปเก็บเกี่ยวผลผลิตก็ไม่ทันการณ์ เพราะมันสำปะหลังเน่าเสียไปก่อนแล้ว ขณะที่แปลง มันสำปะหลังของ นายวัชรินทร์ ปรนกระโทก อายุ 60 ปี เกษตรกร บ้านบุมะค่าอีกราย ก็เกิดปัญหาโรคโคนเน่ารากเน่า เสียหายยกแปลงกว่า 50 ไร่ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่เพาะปลูกมันสำปะหลังใกล้เคียงได้รับความเสียหายจากโรคเดียวกันนี้อีกเป็นจำนวนมาก
นายอุทัย หนูวุ่น เกษตรอำเภอครบุรี บอกว่า โรครากเน่า โคนเน่า นี้ มีสาเหตุมาจากฝนที่ตกหนักติดต่อกันเป็นระยะเวลานานรวมถึงจากอิทธิพลของพายุโนรูในช่วงหลัง ทำให้เหมาะต่อการแพร่ระบาดของโรคนี้ ซึ่งเบื้องต้นมีรายงานพบการระบาดของโรคนี้ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาแล้วมากกว่า 10,000 ไร่ ซึ่งประเมินว่าน่าจะมีพื้นที่ได้รับความเสียหายมากกว่านี้อีก อย่างไรก็ตาม เกษตรกร ที่ได้รับความเสียหาย หากขึ้นทะเบียนเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังเอาไว้แล้ว ก็สามารถขอรับเงินช่วยเหลือจากกรณีประสบภัยพิบัติฉุกเฉินได้ในอัตราไร่ละ 1,980 บาท เพื่อชดเชยความเสียหายในเบื้องต้น
