เมื่อวานนี้ ( 11 ม.ค. 65 ) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีการมติ อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น จำนวน 574.11 ล้านบาท เพื่อป้องกัน โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF ) และโรคระบาดร้ายแรงในสุกรหรือหมูป่า ซึ่งเป็นโรคติดต่อในสุกรที่เกิดจากเชื้อไวรัสที่รุนแรง
โดยจะจ่ายเป็นค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลายตั้งแต่วันที่ 23 มี.ค. 64 – 15 ต.ค. 64 ตาม ม.13(4) แห่ง พ.ร.บ. โรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 58 ซึ่งได้ผ่านการพิจารณาของ คณะกรรมการประเมินตามกฎกระทรวงกำหนดค่าชดใช้ราคาสัตว์ที่ถูกทำลายอันเนื่องจากโรคระบาดหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าเป็นโรคระบาดหรือสัตว์หรือซากสัตว์ที่เป็นพาหนะของโรคระบาด พ.ศ. 60 แล้ว
นาย ธนกร ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า การอนุมัติงบกลางฯ ในครั้งนี้ เป็นการของบประมาณเพื่อจ่ายเป็นค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลาย ในระหว่างวันที่ 23 มี.ค. 64 – 15 ต.ค. 64 ในพื้นที่ 56 จังหวัด ดังนี้
ภาคกลาง 10 จังหวัด ได้แก่
1.ปทุมธานี
2.อ่างทอง
3.ชัยนาท
4.สิงห์บุรี
5.ลพบุรี
6.อยุธยา
7.สระบุรี
8.อุทัยธานี
9.นครสวรรค์
10.สุพรรณบุรี
ภาคตะวันออก 1 จังหวัด ได้แก่
1.สระแก้ว
ภาคตะวันตก 3 จังหวัด ได้แก่
1.เพชรบุรี
2.กาญจนบุรี
3.ประจวบคีรีขันธ์
ภาคตะวัยออกเฉียงเหนือ 20 จังหวัด ได้แก่
1.นครราชสีมา
2.บุรีรัมย์
3.สุรินทร์
4.ชัยภูมิ
5.ศรีสะเกษ
6.อุบลราชธานี
7.เลย
8.หนองบัวลำภู
9.มหาสารคาม
10.กาฬสินธุ์
11.ขอนแก่น
12.อำนาจเจริญ
13.หนองคาย
14.บึงกาฬ
15.ร้อยเอ็ด
16.นครพนม
17.อุดรธานี
18.มุกดาหาร
19.สกลนคร
20.ยโสธร
ภาคเหนือ 12 จังหวัด ได้แก่
1.เชียงใหม่
2.ลำปาง
3.แม่ฮ่องสอน
4.น่าน
5.พะเยา
6.แพร่
7.อุตรดิตถ์
8.สุโขทัย
9.พิษณุโลก
10.ตาก
11.กำแพงเพชร
12.เพชรบูรณ์
ภาคใต้ 10 จังหวัด ได้แก่
1.สุราษฎร์ธานี
2.ภูเก็ต
3.ตรัง
4.กระบี่
5.ระนอง
6.นครศรีธรรมราช
7.ชุมพร
8.พัทลุง
9.พังงา
10.สงขลา
นายธนกร บอกอีกว่า ทั้งนี้ มีเกษตรกรที่ กรมปศุสัตว์ ได้ทำลายสุกรไปแล้ว แต่ยังไม่ได้รับเงินค่าชดใช้ราคาสุกรที่ถูกทำลาย คิดเป็นเงิน จำนวน 574.11 ล้านบาท จำแนกเป็น เกษตรกร 4,941 ราย สุกร 159,453 ตัว รัฐบาลดำเนินอย่างจริงจัง ในการป้องกันและควบคุมโรคระบาดในสัตว์ และ โรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร (African Swine Fever : ASF) โดย ครม. ยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติตั้งปี 2562 รวมทั้ง ได้มีการสนับสนุนงบประมาณ เพื่อการวิจัยพัฒนาวัคซีน ชดเชยเยียวยาเกษตรกรรายย่อย เจ้าของฟาร์ม ที่ผ่านมา กรมปศุสัตว์ ดำเนินระบบการเฝ้าระวัง และประเมินความเสี่ยง กำกับดูแลให้เกษตรกรตลอดจนการป้องกัน และควบคุมโรค อาทิ ให้มีรั้วรอบฟาร์ม ให้มีจุดพ่นน้ำนาฆ่าเชื้อ เป็นต้น
“นายกรัฐมนตรีย้ำให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดำเนินการตรวจสอบ สำรวจโรคตามหลักวิชาการ และมาตรฐานสากล พร้อมชี้แจงให้ประชาชนอย่างโปร่งใส ที่สำคัญต้องลดความเดือดร้อนของเกษตรกรเจ้าของฟาร์ม ผู้ค้ารายย่อย โดยเฉพาะผู้บริโภค ในขณะนี้ให้มากที่สุด “